วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บ้านนำ้ท่วมทำให้เกิดโรคจากเชื้อราอะไรได้บ้าง? โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล


มาถึงตอนนี้เราคงคุ้นเคยแล้วนะ ทำไมบ้านของเราที่ผ่านการท่วมขังมานานจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อราให้มาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆกายเราได้อย่างไร ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเจ้าเชื้อราสามารถบุกโจมตีตัวเราได้ตั้งแต่เส้นผมบนหนังศีรษะจรดปลายเท้าเพื่อตั้งเป็นป้อมค่ายโรคผิวหนังได้ทั้งตัวเลย คุณๆลองมาติดตามดูว่ารายละเอียดของโรคเชื้อราในแต่ละที่นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้างเลยดีกว่า

1. โรคเชื้อราที่ศีรษะ (Tinea capitis)
ส่วนใหญ่โรคนี้มักจะพบในเด็ก โดนเฉพาะในสถานที่เลี้ยงเด็กที่มีการจัดการสุขภาพที่ไม่ดี พอเป็นคนหนึ่งก็จะลามไปติดกับเด็กคนอื่นๆต่อไปได้ ในผู้ใหญ่จะพบได้น้อย ยกเว้นในรายที่สุขภาพไม่ค่อยดีหรือในงานอาชีพบางอย่างที่หนังศรีษะจะต้องเปียกอับชื้นตลอดเวลาทำงานเช่นตำรวจจราจรที่ต้องสวมหมวกนิรภัยตลอดเวลา
ลักษณะของโรคเชื้อรานี้จะคล้ายกับฝีชันนะตุ (Kerion) คือในตอนแรกๆจะเกิดตุ่มเล็กๆที่หนังศรีษะก่อน หากไม่ได้รับการรักษา ตุ่มจะขยายวงออกใหญ่ขึ้น มีขอบเขตเป็นวงค่อนข้างชัดเจน คนไข้มักมีอาการคัน หรือเจ็บได้ ในรายที่เป็นมากๆ เป็นหนองแฉะ ๆ บางครั้งเป็นสะเก็ดแห้งกรัง โรคนี้สามารถติดต่อลุกลามไปยังเด็กคนอื่นได้โดยการสัมผัสหรือใช้ผ้าเช็ดตัวหรือสวมหมวกรวมกัน
2. โรคเชื้อราที่ลำตัว แขน ขา (Tinea corporis)
โรคกลาก หรือ ขี้กลากคือ คำเรียกโรคนี้ที่คุณๆคุ้นเคยกันดี หากโรคนี้ไปเกิดที่อวัยวะเพศหรือขาหนีบมักจะเรียกว่า สังคัง นั่นเอง โรคนี้สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสกันหรือใช้เครื่องนุ่งห่มร่วมกัน
อาการของโรคเริ่มเป็นตุ่ม พอทิ้งไว้ไม่รักษา ผื่นจะขยายเป็นวงกลมคล้ายวงแหวน (ringworm) สีผิวที่เป็นผื่นมักจะสีแดงหรือคล้ำ รอบๆวงแหวนจะมีขอบเขตที่ชัดเจนมาก อาจมีขุยเป็นผิวหนังขาวๆสะเก็ดลอกที่ขอบ ๆ ของวงแหวน เมื่อทิ้งไว้ผื่นวงแหวนสีแดงนี้ จะลุกลามขยายวงออกกว้างขึ้นได้เรื่อยๆและแตกออกเป็นหลายๆวงก็ได้ คนไข้จะมีมีอาการคันเป็นอย่างมาก ถ้าเหงื่อออกจะยิ่งคันมากขึ้น
3. โรคเชื้อราที่ขาหนีบ (Tinea cruris)
คุณๆเพื่อนผู้ชายที่อยู่หอพักร่วมกันคงมีโอกาสได้แบ่งปันประสบการณ์ สังคัง” กันมาบ้างแล้ว โดยเชื้อรามักเริ่มต้นเกิดได้ที่ ขาหนีบ ก้น หรืออวัยวะเพศ โดยจะเกิดเป็นตุ่มเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยขยายตัวเป็นผื่นสีแดงจัด และมีขอบเขตของวงผื่นชัดเจนมาก บางรายอาจมีสะเก็ดหรือขุยลอกเล็กน้อย ผื่นที่ลุกลามขยายออกไป ทำให้บริเวณตรงกลางผื่นเรียบยุบหายไป ส่วนผื่นสีแดงนี้ถ้าเป็นนานๆจะกลายเป็นมีสีน้ำตาลคล้ำเข้มขึ้นได้ การกระจายของผื่นวงแหวนนี้อาจเริ่มที่ตำแหน่งใดๆที่กล่าวมาแล้ว พอเชื้อลุกลามก็สามารถกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้ทั่วไป
อาการที่เด่นชัดของโรคนี้ก็คือคนไข้จะมีอาการคันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน จะนอนไม่ค่อยหลับ เพราะจะยิ่งคันมาก ๆ เพราะเส้นใยที่เติบโตอย่างมากจากเชื้อราที่พื้นผิวหนังจะแทรกซอนชอนไชไปจนถึงชั้นผิวหนังลึกๆที่มีปลายรับสัญญาณกระแสประสาท จึงทำให้มีอาการคันอย่างมากในที่สุด
บางรายหากเกาอย่างแรงมากหรือไว้เล็บยาวอาจทำให้เกิดผิวหนังฉีกขาด เกิดเลือดไหลตามมาหรือเกิดการติดเชื้อตามมาในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ในรายที่ไว้เล็บยาวมากๆ การเกาจะทำให้เกิดการสะสมเชื้อราไปในซอกเล็บ พอไปเกาต่อที่ผิวหนังบริเวณใด ก็ทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคนี้ไปยังอวัยวะอื่นได้อีก
เชื้อราที่ขาหนีบมักพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในคนอ้วนเพราะมักจะขี้ร้อน เหงื่อออกมาก นอกจากนี้ การสวมใส่เสื้อผ้าที่คับ ๆไม่มีอากาศถ่ายเทและอบชื้น เช่น การสวมกางเกงยีน จะยิ่งทำให้มีโอกาสเป็นเชื้อราเพิ่มมากขึ้น
4. โรคเชื้อราที่เล็บ (Tinea unguium)
มักพบโรคนี้ได้ในคนที่มีอาชีพที่มือต้องเปียกชื้นตลอดเวลาเช่นแม่ค้าปอกผลไม้สด พนักงานล้างจาน สาเหตุเกิดจากเชื้อราได้ไปเกาะที่เล็บ ลักษณะของเล็บที่เป็นเชื้อราที่เคยเรียบนวลจะเปลี่ยนไปกลายเป็นเล็บหนาขึ้น ผิวเล็บมีรอยขุรขระ ใต้ฐานเล็บหนาขึ้น ถ้าเป็นมากๆเล็บมักจะเปลี่ยนรูปร่างไป ได้แก่ บิดเบี้ยวไม่ได้รูปทรงเดิม มีรอยหยักเป็นลูกคลื่น เล็บโค้งงอ เล็บกร่อน เล็บผุ ส่วนสีชมพูของเล็บปกติเมื่อติดเชื้อจะเปลี่ยนสีไป มีสีคล้ำ ดำ น้ำตาล เขียวคล้ำ
มักไม่มีอาการคันแต่อย่างใด อาจมีเจ็บหรือคันบ้างแต่น้อยมาก ผู้ป่วยมักรีบมาขอการรักษาเพราะอายและกังวลใจว่าเล็บไม่สวย จะเป็นที่น่ารังเกียจหรือหรือไม่สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้มากกว่า
5. โรคเชื้อราที่ใบหน้า (Tinea faceii)
หากท่านมีผ้าขนหนูติดเชื้อราเป็นจุดดำๆ แล้วมาเช็ดหน้าบ่อยๆ หรือใช้เล็บเกาที่ขาหนีบแล้วมาเกาที่ใบหน้า คุณมีโอกาสที่อาจเกิดโรคเชื้อราขึ้นที่ใบหน้าได้ ถ้าเป็นเชื้อราตระกูลเดียวกับเชื้อกลาก อาการเริ่มต้นจะเหมือนกับกลากที่ลำตัว คือ มีผื่นสีแดง รูปวงกลม วงแหวนแบบ ringworm มีขอบเขตชัดเจน มีขุยสะเก็ดลอก ที่บริเวณใบหน้า อาการคันไม่มากนัก
แต่หากเป็นเชื้อราสายพันธุ์เกลื้อน อาการเริ่มต้นมักเป็นด่างขาววงเล็กๆ แล้วขยายวงใหญ่ขึ้นเป็นด่างขาวเต็มวง หรือมีหลายวงซ้อนๆกันอยู่ คนไข้มักไม่มีอาการคันแต่อย่างใด แต่มักจะอายมากกว่าเลยรีบมาขอการรักษา เราจะกลับมาเล่ารายละเอียดเรื่องกลากกับเกลื้อนอีกในบทความต่อๆไปนะครับ
6. โรคเชื้อราที่มือและเท้า (Tinea manum & Tinea pedis)
เชื้อรานี้มักจะเป็นตามหลังมือ ซอกนิ้วมือที่อับชื้น หากเกิดที่เท้า ซอกนิ้วเท้า ฝ่าเท้า จะเรียกว่า น้ำกัดเท้า” หรือ ฮ่องกงฟุต” ผื่นที่เกิดขึ้นแบ่งได้แบบ
1. ลักษณะแบบแห้ง ๆ ผื่นแดงเป็นวง มีขอบเขตชัดเจน มีสะเก็ดแห้ง ขุยลอก
2. ลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสแตกออก เป็นแบบแฉะ ๆ
ส่วนมากจะมีอาการคัน ถ้าเป็นอาการแบบที่สองมักเกิดขึ้นที่เท้า เนื่องจากสวมรองเท้าหุ้มข้อเป็นเวลานานๆ พอมีเหงื่อออกมากๆ จะหมักหมมจนมีเชื้อแบคทีเรียมาซ้ำเติม ทำให้เท้ามีกลิ่นเหม็นได้ในที่สุด
ตอนต่อไป เมื่อเป็นโรคที่น่ารำคาญทั้งใจและกาย เราจะตามไปดูวิธีการตรวจ รักษาและการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้อีกครับ หากคุณๆอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโรคนี้ สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้จากเภสัชกรใจดีที่ร้านยาได้เลยครับ พวกเราเภสัชกรยินดีและเต็มใจรับใช้พี่น้องครับ
แหล่งข้อมูล

โรคผิวหนังจากเชื้อรา เป็นได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=403019
รูปประกอบจาก
http://fungusfacts.com/
http://www.myhealthguide.carlyucaangay.com/how-to-prevent-athletes-foot.html
http://allstop.com/athletes-foot-news/athletes-foot-treatment/facts-and-information-about-fungal-infection
http://www.medicalook.com/Hair_loss/Fungus_hair.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น