การรักษาอาการต่อมลูกหมากโตมี 3 วิธี คือ เฝ้าดู กินยา และผ่าตัด แล้วแต่ว่า ผู้ป่วยจะมีข้อบ่งชี้อะไรที่แสดงออกมา และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้ทางเลือกการรักษาให้ดีที่สุดแก่คุณ
แต่การบรรเทาอาการโรคได้ดีที่สุด คือการปฎิบัติตัวให้มีสุขภาพดีตามธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงและบรรเทาอาการต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา เรามีคำแนะนำการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตด้วยวิธีทางธรรมชาติ มาแบ่งปันกัน
ต่อมลูกหมากโตคืออะไร???
อาการปวดหลัง หรือรู้สึกปัสสาวะขัดๆ หรือ รู้สึกปวดขณะปัสสาวะในชายวัยกลางคน หรือในชายสูงอายุนั้นเกิดต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่พบเฉพาะในเพศชาย มีลักษณะเป็นก้อนอยู่ใกล้ๆกับกระเพาะปัสสาวะและไต จากสถิติพบว่าเมื่ออายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีปริมาณฮอร์โมนประจำเพศชาย คือ เทสเตอสเตอโรนลดลง ดังนั้นฮอร์โมนประจำเพศหญิงหรือเอสโตรเจนจึงโดดเด่นมากขึ้น การที่เทสเตอสเตอโรนมีจำนวนลดลงเนื่องจากการทำงานที่มากขึ้นของเอนไซม์ตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเทสเตอสเตอโรนไปเป็นสารอีกตัวหนึ่งที่เรียกว่า DHT (เอนไซม์นี้จะทำงานมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น)
ฮอร์โมนเทสเตอสเตอโรน => DHT
เราสามารถสรุปได้ว่าการโตของต่อมลูกหมากเป็นผลมาจากสมดุลระหว่างฮอร์โมนเทสเตอสเตอโรน ฮอร์โมนเอสโตรเจน และDHT
อาการของภาวะต่อมลูกหมากโต
· ปัสสาวะบ่อย รวมถึงปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยขึ้น
· รู้สึกว่าปัสสาวะลำบาก อาจมีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ
· รู้สึกเหมือนว่าปัสสาวะไม่หมด
· อาจพบการติดเชื้อที่เดินปัสสาวะร่วมด้วย
การรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตด้วยวิธีทางธรรมชาติ
อาหารที่ควรรับประทาน
· อาหารที่มีกากใยเยอะเช่นพวกธัญพืช ผัก ผลไม้สด เนื่องจากจะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน
· อาหารประเภทโปรตีน ควรรับประทานเป็นพวกถั่ว และผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้
· มะเขือเทศ เนื่องจากมีสารไลโคปีน (ในมะเขือเทศสุก สารไลโคปีนจะอยู่ในสภาพที่ทำงานได้ดีกว่ามะเขือเทศดิบ)
· เม็ดฟักทอง เนื่องจากมีธาตุสังกะสี ที่จะเป็นในการในการซ่อมแซมของร่างกาย
· ปลาน้ำเย็น เม็ดปอ น้ำมันเม็ดปอ(วันละ 1-2 ช้อนชา) เนื่องจากในอาหารเหล่านี้มีกรดไขมันจำเป็น ที่จะช่วยลดอาการอักเสบ และในเม็ดปอ ยังมีสารลิกแนน ที่ช่วยควบคุมสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน
· ดื่มชาเขียว ประเภทที่สกัดสารคาเฟอีนออก ไม่ควรดื่มกาแฟ
· ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อย 1 แก้วทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ของเหลวเคลื่อนผ่านไปยังทางเดินปัสสาวะ
· ควรกินอาหารพวกโปรไบโอติก ( คืออาหารที่มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และแบคทีเรียเหล่านั้นเป็นแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่)ทุกวัน ได้แก่ โยเกิร์ต คีเฟอร์ โดยเฉพาะคนที่กินยาปฏิชีวนะ เนื่องจากแบคทีเรียในอาหารเหล่านี้จะป้องกันการโตของแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นสาเหตุของต่อมลูกหมากอักเสบ
· สับปะรด เนื่องจากมีโบรมีเลน ซึ่งจะช่วยลดขบวนการอักเสบ (การทำงานของโบรมีเลนต้องอาศัยวิตามินซี ดังนั้นเราควรที่จะรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงๆ ร่วมด้วย เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ส้ม มะขาม ฝรั่ง)
· แครนเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่สามารถป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดผนังกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นจึงสามารถป้องกันการติดเชื้อที่ที่ทางเดินปัสสาวะได้ดี
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
· ไขมันอิ่มตัว และไขมันที่ผ่านเติมไฮโดรเจน ( เช่น มาการีน) เพราะจะกระตุ้นการอักเสบ
· น้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลขัดขาว
· อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง เพราะในอาหารเหล่านี้จะเติมสารเคมีบางอย่างเพื่อช่วยให้เก็บได้นานขึ้น
· สุราและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากจะระคายเคืองต่อมลูกหมาก
วิธีอื่นๆ
· การอดอาหารด้วยน้ำผัก –ผลไม้ เนื่องจากต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะที่ค่อนข้าวไวต่อสารพิษทั้งหลาย ดังนั้นการขจัดสารพิษด้วยการอดอาหาร แล้วหันมาดื่มเฉพาะน้ำผัก-ผลไม้ และน้ำเปล่า เป็นระยะเวลา 1-3 วันจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของต่อมลูกหมาก
· วารีบำบัด เริ่มจากนั่งแช่ในอ่างน้ำอุ่น ประมาณ 2 นาที แล้วจึงนั่งแช่ในอ่างน้ำเย็นอีกประมาณ 30 วินาที ทำต่อเนื่องกัน 3 รอบ วิธีจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเของเหลวในร่างกายและช่วยลดการอักเสบ
· ใช้น้ำมันมะกรูดและคาโมมายเทลงในน้ำที่ใช้อาบ หรือใช้นวดตัว จะช่วยลดการอักเสบ
· หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน เนื่องจากทำให้เกิดแรงดันที่ต่อมลูกหมาก
แหล่งข้อมูล
http://www.goodhealth.co.th/new_page_125.htm
ภาพประกอบ
http://www.blueforlove.com/promoting-prostate-gland-health/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น