คันหูครานี้ไม่เกี่ยวกับเพลง...แต่คันจริงๆ บางคนคันจนทนไม่ไหว ใช้นิ้วอย่างเดียวไม่มันไม่ว่า ไปหาไม้พันสำลีไปคว้าน หรือคุณผู้ชายที่ชอบไปใช้บริการแคะ ทำความสะอาดหู จะสอาดจริงหรือเปล่าไม่รุ้ แต่ที่เราเกรงกันมากก้อคืออาจจะลุกลามจนเป็นหูชั้นนอกอักเสบ หรือมีการติดเชื้อที่หูตามมาอีก ไม่อยากคันหูจริงเรามาดูมีวิธีป้องกันและรักษาครับ ทำไมเราจึงมีขี้หู คนไข้หลายราย มักคิดว่าขี้หูมากแสดงว่าสกปรก ร่างกายเราเขามีขี้หูไว้ตามธรรมชาติ เพื่อปกป้องไม่ให้แมลง สิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคหลุดเข้าไปได้ ตัวขี้หูมีสารที่ออกฤทธิ์เป็นกรด เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ทำไมจึงคันหู โดยทั่วไปอาการคันหูจะเกิดขึ้นหลังจากช่องหูมีการอักเสบ แต่ที่พบบ่อยมากๆในร้านยาคือ เราไปใช้ไม้พันสำลีปั่นช่องหูหรือใช้นิ้วแคะเพื่อทำความสะอาด แรกๆก้อเพลินๆ อาบน้ำเสร็จทีไรต้องปั่นทุกที การที่เราปั่นหู ถ้าแรงหรือลึกเกินไป จะทำให้เยื่อบุช่องหูด้านนอกถลอกเป็นแผลตื้นๆ หลายคนจะรู้สึกว่าเวลาปั่นหูแล้วมีน้ำแฉะๆ สีเหลืองๆ ติดไม้พันสำลีออกมา ซึ่งก็คือน้ำเหลืองที่ซึมจากแผลถลอกในหูชั้นนอก เมื่อแผลในช่องหูใกล้จะหายผู้ป่วยก็จะเริ่มมีอาการคันในหูอีก เมื่อเราคันในหูอีกก็ปั่นหูอย่างเมามันอีกทำให้แผลในช่องหูไม่หาย เกิดอาการคันซ้ำๆตลอด พลาดพลั้งเผลอไปทำให้ผิวหนังของช่องหูชั้นนอกอักเสบเรื้อรัง บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนกลายเป็นหูชั้นนอกอักเสบ ติดเชื้อแบคทีเรียหรือเกิดฝีของหูชั้นนอกได้ หากยังไม่รุ้ตัว ไปแคะตรงรอยอักเสบอาจลามอักเสบไปถึงหูชั้นกลาง ครานี้เจ๋งเป้ง อาจทำให้เยื่อบุแก้วหูทะลุ มีหนองไหลออกมาในที่สุด  ภาพประกอบแสดงอาการหูอักเสบ จาก http://o5t.net/wp-content/uploads/2011/09/ears-contagion.jpgสาเหตุอื่นๆ มักเกิดจากโรคต่อมไขมันอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคทางกายบางชนิด เช่น โรคตับอักเสบ เบาหวาน โรคเลือด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ไตวายเรื่อรัง หรือโรคสะเก็ดเงินก็ทำให้เกิดอาการคันหูได้ คันหูแค่ไหน ไม่ไหวแล้วถ้ามีอาการอักเสบ จนนำ้เหลืองไหลออกมา มีกลิ่นเหม็นของหนองหรือสารอักเสบ หรือหูอื้อจนฟังอะไรไม่รุ้เรื่อง เมื่อไปพบแพทย์ เราจะได้รับการการซักถามอาการและตรวจหู ซึ่งอาจเห็นผิวหนังของช่องหูแห้ง แดง หรือพบรอยถลอกเป็นแผล หรือผิวหนังอักเสบ คันหูรักษาอย่างไร การรักษาอาจใช้ยา สเตียรอยด์ ทาหรือหยอดหู เพื่อลดอาการอักเสบและอาการคัน หรือรับประทานยาแก้แพ้ | |||
แหล่งข้อมูล •เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล สงวนลิขสิทธิ์ 1 ตค. 2554 E-mail: utaisuk@gmail.com Facebook: “UTAI SUKVIWATSIRIKUL ห้ามนำบทความ รูปภาพและเนื้อหาอื่นๆ โดยผู้เขียนไปเผยแพร่เชิงพาณิชย์ ให้นำไปเผยแพร่เป็นวิทยาทานหรือเพื่อการศึกษาเท่านั้นผู้ประกอบการเว็บไซต์ต้องยึดหลักความเคารพและคำนึงถึงลิขสิทธิ์ในการสร้างสรรค์งานเขียนและจริยธรรมทางธุรกิจ การนำเอาบทความ รูปภาพและเนื้อหาอื่นๆ ซึ่งผลิตขึ้นโดยผู้เขียนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและผลิตซ้ำเพื่อเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาและ Copy url address ไปด้วยเพื่อให้ผู้อ่านสามารถลิ้งค์กลับมาอ่านบทความจากเว็บไซต์ ของผู้เขียนได้โดยตรง บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพ ไม่แนะนำให้คุณนำไปใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรคด้วยตนเอง ขอความกรุณารับคำปรึกษาได้โดยตรงจากเภสัชกรร้านยาใจดีที่พร้อมดูแลสุขภาพพ่อแม่พี่น้องนะครับ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น