วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

โรคหอบหืด การดูแลตนเอง

    โรคหอบหืดเป็นโรคเรื้อรัง มีผลกระทบต่อ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม การรู้จักดูแลตนเองที่ถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยลดภาวะหืดหอบที่รุนแรง ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข การดูแลตนเองเมื่อเริ่มมีอาการ ย่อมดีกว่าเมื่อทิ้งไว้นาน และการป้องกันควบคุมมิให้มีอาการจับหืด ย่อมดีที่สุดโดย

    1. หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ หรือสารก่อภูมแพ้ เช่น ขนสัตว์ ฝุ่นในบ้านหรือที่นอน ควันบุหรี่ อาหารทะเล ฯลฯ

    2. ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยในการละลายเสมหะ

    3. ผู้ป่วยโรคหอบหืดจำนวนมากไม่สามารถจะออกกำลังกายได้ดี หรือได้มากเท่า คนปกติ โดยจะเหนื่อย แน่นหน้าอกขึ้นมาภายหลังจากการออกกำลังกายไปพักหนึ่ง

    4. ออกกำลังกาย ควรทำสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง อาจทำโดยถีบจักรยาน , เดิน , ว่ายน้ำ เป็นต้น และเมื่อมีอาการหอบ ควรหยุดออกกำลังกายทันที ดังนั้นก่อนการออกกำลังกาย อาจต้องใช้ยาขยายหลอดลม 5-10 นาที ก่อนการออกกำลังกาย และสังเกตตนเองว่าการออกกำลังกายประเภทใดทำให้เหนื่อยง่าย จึงควรออกกำลังกาย แต่พอควร และสม่ำเสมอ

    5. ฝึกหายใจที่ถูกต้อง เพื่อช่วยลดความรุนแรงขณะมีอาการหอบหืดได้ โดยการหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ทางปาก

    6. กินยา หรือพ่นยาตรงตามการรักษาของแพทย์ ไม่ควรหยุดยาเอง เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น ทำให้โรคกำเริบได้

    7. ฝึกการบริหารปอด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ

    8. ควรพบแพทย์สม่ำเสมอ เพื่อได้รับการตรวจสมรรถภาพของปอด เป็นระยะ
    ท่าที่ช่วยในการบริหารปอด ได้แก่
    ท่าที่ 1 ท่าหายใจด้วยท้อง หรือกระบังลม นอนหงายกับพื้น วางต้นแขนทั้ง 2 แนบลำตัว วางมือบนอก และท้อง งอเข่า 2 ข้าง
    - สูดหายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูก ให้หน้าท้องป่องออก และหน้าอกมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก
    - ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ ผ่านทางไรฟัน ในขณะที่ปากเผยอออกเพียงเล็กน้อย
    ท่าที่ 2 ท่าพักเหนื่อย จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลง เมื่อหายใจไม่ค่อยสะดวก
    - นั่งพัก เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
    - วางข้อศอกบนเข่า 2 ข้าง หายใจ เข้าและออกช้า ๆ หรือวิธี
    - นั่งพับเพียบ หมอนวางบนตัก
    -วางแขน และซบหน้าลงบนหมอน
ท่าที่ 3 ท่าโน้มตัว
- นั่งบนเก้าอี้ แล้วโน้มตัวลง มือแตะพื้นขณะหายใจออก
- กลับยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ แยกเป็นตัว V ขณะหายใจเข้า
ท่าที่ 4
    - มือ 2 ข้างประสานท้ายทอย ยกมือลงเอาศอกชิดกัน ขณะหายใจออก กางข้อศอก ขณะหายใจเข้า
      ท่าที่ 5 ใช้ไม้เท้าในท่ายกแขน 2 ข้างขึ้น ขณะหายใจเข้าแล้วยกลงในขณะหายใจออก 
    การพ่นยาที่ถูกวิธี
    การพ่นยาที่ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทา และป้องกันอาการได้ ยาที่นิยมใช้ คือ ยาในรูปยาพ่นสูด

    วิธีการใช้ยาพ่นสูด ควรปฏิบัติดังนี้

    1. เปิดฝาครอบออก

    2. เขย่ากระบอกยา 4-5 ครั้ง ก่อนสูดดม

    3. หายใจออก

    4. ถือกระบอกยาไว้ในลักษณะ กันขวดยาจะหันขึ้นข้างบน อมปากกระบอกยา และหุบปากให้สนิท

    5. กดก้นกระบอกยาลงจนสุด 1 ครั้ง พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทางปากให้ละอองของยาเข้าไปในปอดช้า ๆ จนสุดการหายใจแล้ว กลั้นหายใจประมาณ 5-10 วินาที อาจโดยนับ 1-10 ในใจ

    6. เมื่อครบเวลา จึงนำกระบอกยาออกจากปาก แล้วหายใจออกช้า ๆ นับเป็นการพ่นสูดยา 1 ครั้ง

    7. เมื่อใช้เสร็จแล้ว สวมฝาปิดไว้ดังเดิม
    ถ้าต้องการใช้ยาขยายหลอดลมพ่นซ้ำอีก ควรใช้หลังจากการสูดดมยาครั้งแรกประมาณ 1 นาที สำหรับในผู้ป่วยบางราย เช่น เด็ก หรือผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถสอนให้สูดดมยาตามวิธีดังกล่าวข้างต้นได้ การใช้หลอดต่อเข้ากับกระบอกพ่นยา ซึ่งทำให้การใช้ยามีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องรอจังหวะการพ่นกับการสูดหายใจ จึงช่วยให้การใช้ยาง่ายขึ้น

    1. ถอดฝาครอบออก

    2. สวมหลอดต่อกระบอกพ่นยา (โดยใช้ช่องเปิดทางด้านกว้าง) ฝาป้องกันฝุ่นสวมเข้าหลอดต่อทางปลายด้านเล็กอีกข้างหนึ่ง

    3. เขย่ากระบอกยาให้ยาเข้ากันได้ดี กดก้นกระบอกยาลงจนสุด 1 ครั้ง

    4. รีบถอดฝาป้องกันฝุ่นออก อมปลายหลอดต่อให้แน่น พร้อมสูดยาในหลอดต่อเข้าปากช้า ๆให้ลึกที่สุด

    5. กลั้นหายใจชั่วครู่ (2-3 วินาที)

    6. ถอดหลอดต่อออกจากกระบอกพ่นยา และปิดฝาเข้ากับกระบอกพ่นดังเดิม

    แหล่งข้อมูล : หน่วยพัฒนาสุขภาพ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ http://kanchanapisek.or.th/kp4/book244/helath.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น