วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ผื่นภูมิแพ้" ป้องกันลูกรักอย่างไร ไม่ให้เกิด


"ผื่นภูมิแพ้" เป็นโรคที่ไม่มีพ่อแม่คนใดปรารถนาให้เกิดกับลูก เพราะทำให้เด็กที่อยู่ในช่วงวัย 5 ขวบ ป่วยและมีอาการได้ถึง 80 -90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นลูกรักของคุณอาจมีความเสี่ยงต่อผื่นภูมิแพ้ได้ หากไม่เตรียมความพร้อม และป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
       
ด้วยชั้นผิวหนังของลูกรักที่มีความบอบบาง และละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้ผิวของเด็กเปิดรับต่อสิ่งเร้าทั้งรังสียูวี สารเคมีและสารก่ออาการแพ้ต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าผุ้ใหญ่ถึง 3 เท่า ทำให้ผิวพรรณของเด็กเกิดอาการระคายเคืองและแพ้ง่าย โดยเฉพาะโรคผื่นแพ้ผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบ หรือโรคน้ำเหลืองไม่ดีที่ทำให้เด็กมีอาการเห่อครั้งแรกภายในช่วงวัย 1 ปีถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และเด็กในช่วงวัย 5 ขวบปีแรกจะมีอาการเห่อของผื่นภูมิแพ้ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
       
       สำหรับสาเหตุของผื่นภูมิแพ้นั้น ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์หรือคนในครอบครัวของเด็กมีประวัติโรคภูมิแพ้ เช่น ผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ แพ้อากาศ ไอจามบ่อย หรือเป็นหอบหืด และอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อกระตุ้นการเกิดผื่นภูมิแพ้ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เช่น อาหาร ไรฝุ่น สารก่อการระคายเคือง สภาพอากาศที่ร้อนจนทำให้เหงื่อออก มีสารเคมีระคายเคืองผิวหนัง แมลง ขนสัตว์ และเชื้อโรค ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ลูกน้อยที่มีผิวบอบบางอยู่แล้ว เกิดอาการแพ้ได้ง่ายยิ่งขึ้น เริ่มจากผื่นแดงคัน มีตุ่มแดงและตุ่มน้ำใสเล็กๆ อยู่ในผื่นแดงนั้น ส่วนเด็กโตตุ่มจะนูนแดง มีขุยเล็กน้อย มักไม่พบตุ่มน้ำแตกแฉะเหมือนลูกวัยทารก แต่จะมีอาการคันทำให้เกาจนเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ ส่วนมากพบบริเวณรอบคอ ข้อพับ ด้านในของแขนและขา
       
       "เราพบว่า 1 ใน 3 ของเด็กที่ป่วยเป็นโรคผื่นภูมิแพ้จะมีอาการของโรคต่อเนื่องจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนและการทำงานในอนาคต โดย 50 เปอร์เซ็นค์ของเด็กที่เป็นผื่นภูมิแพ้ มีโอกาสเป็นโรคหอบหืด โดยเฉพาะเด็กเล็กจะมีอาการรุนแรงกว่าเด็กโต และ 2 ใน 3 ของลูกที่ป่วยเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ เมื่อโตขึ้นมีโอกาสป่วยเป็นโรคแพ้อากาศร่วมด้วย รวมทั้งมีปัญหาผิวพรรณ ผิวหนังอักเสบ และมีอาการคันเรื้อรัง" 
       
       ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงทำได้เพียงการบรรเทาผิวหนังที่อักเสบของลูกรักให้กลับมาเป็นผิวหนังปกติ ผิวหนังที่มีสุขภาพดี และป้องกันการเห่อซ้ำของผื่นภูมิแพ้เท่านั้น เช่น หากมีอาการผื่นรุนแรง อาจต้องใช้ยาทาทีมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ซึ่งไม่สามารถใช้ต่อเนื่องนาน ๆ ได้ เพราะอาจจะมีผลข้างเคียงต่อลูก เช่น ทำให้ผิวหนังบาง ผิวหนังแตกลาย หรือมีผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
       
       ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่คือคนสำคัญที่จะช่วยปกป้องผิวพรรณที่แสนจะบอบบางของลูกน้อยจากโรคภูมิแพ้ ด้วยเคล็ดลับ Safety Baby ตามแนวทางง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
       
       - รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังลูก
       
       - ไม่ควรอาบน้ำอุ่นบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวลูกแห้ง และคันได้ง่าย
       
       - เลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวลูก และผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือมีสารสังเคราะห์ที่ทำให้ผิวลูกระคายเคือง
       
       - ดูแลผิวพรรณลูกให้สะอาด ป้องกันและรักษาผิวแห้งโดยการทามอยซ์เจอไรเซอร์ หรือโลชั่นที่ปราศจากสารเคมีอันตรายหลังอาบน้ำให้ลูก โดยเฉพาะวันที่อาบน้ำอุ่น เนื่องจากน้ำอุ่นจะทำให้ผิวขับไขมันออกมามาก ทำให้ผิวเด็กบางคนที่แห้งอยู่แล้วจะแห้งยิ่งขึ้น
       
       - ทำความสะอาดเสื้อผ้า เครื่องนอนของลูกให้สะอาดอยู่เสมอ โดยทำการซักทุก 1-2 สัปดาห์ ด้วยน้ำร้อน 55-60 องศาเซลเซียส
       
       - ไม่ควรมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน หรือให้สัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ชิดลูก
       
       - หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเห่อของผื่นภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น ความเครียด ความร้อนหรือความเย็นมากเกินไป รวมทั้งอาหารบางชนิดที่คุณแม่สังเกตได้ว่าอาจทำให้ผื่นลูกเห่อมากขึ้น เช่น นม ไข่ หรือถั่วลิสง
       
       - เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากใยธรรมธาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าออร์แกนิก คอทตอน 100 % หรือเนื้อผ้าที่สัมผัสแล้วมีความเนียนนุ่มละเอียด รวมไปถึงเสื้อผ้าที่มีการตัดเย็บละเอียดเรียบร้อย ไม่มีตะเข็บ ขอบ หรือด้ายหลุดลุ่ยที่อาจเกี่ยวพันอวัยวะส่วนต่างๆ ของลูก ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เกิดการอับชื้น นำไปสู่ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้
       
       เห็นได้ว่า ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่รู้เท่าทันและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่จะเกิดก็จะมีน้อยลงครับ



แหล่งข้อมูล

แนะวิธีดูแลลูกน้อยให้ห่างไกล "ผื่นภูมิแพ้"


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์24 พฤศจิกายน 2554 11:48 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น