วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

การลอกหน้าให้ผิวขาว โดย นพ.ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์


การลอกหน้าทางการแพทย์เป็นวิวัฒนาการ การทำให้หน้าดูหนุ่มสาวขึ้น ได้ทำกันมานานกว่า 100 ปี เป็นวิธีที่ง่าย ๆ ในการทำให้ผิวหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทำลายผิวหนัง สารเคมีที่ใช้มีมากมายหลายสิบชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ต้องการให้ลอกลึกเพียงใด
ทำไมถึงต้องลอกหน้า 
ตามปกติผิวของคนเราชั้นหนังกำพร้า ล่างสุดมีการแบ่งตัวเพื่อการเจริญเติบโตเคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนจนออกเป็นขี้ไคล เป็นภาวะปกติ การลอกหน้าเป็นการเร่งการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ใหม่เซลล์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น
จุดประสงค์ของการลอกหน้า
เป็นการกระตุ้นให้เซลล์เร่งการผลิตขี้ไคล และเป็นการทำให้ผิว หนังหนาขึ้น (ไม่ใช่บางลง) และผิวของสีจางลง ทำให้ฝ้าจางได้ และลดการอุดตันของรูขุมขน ที่เป็นสาเหตุของสิว
เป็นการทำลายเซลล์ ซึ่งถูกทำลายจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น แผล เป็นจากสิว เป็นการลบรอยขรุขระบนใบหน้า ก่อให้เกิดผิวหน้า ที่เรียบขึ้น
ทำให้เกิดการอักเสบใน ชั้นลึกของผิวหนัง ก่อให้เกิดการสร้าง ใยคอลลาเจน และใยยืดหยุ่นใหม่ ทำให้เกิดการสร้างน้ำและสารบางอย่าง ซึ่งมีผลต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูหนุ่มสาวขึ้น เป็นวิธีชะลอความชรา
ชนิดความลึกของการลอกหน้า
1. การลอกชนิดตื้น
หมายถึง น้ำยาลงไปถึงชั้นหนังกำพร้า สารที่ใช้กันมากคือ กลุ่มสาร AHA มีหลายชนิด เช่น กรดไลโคลิก ความเข้มข้นที่ใช้ในการลอก ประมาณ 30-70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาที่ทาด้วย ถ้าทิ้งไว้นาน น้ำยาอาจลงลึกได้ ร้านเสริมสวยส่วนใหญ่ใช้สารนี้

ปัญหาของกรดไกลโคลิก ถ้าคนผิวหนา ใช้น้ำยาทานานหลายนาทีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าคนผิวบางละเอียด เกิดภาวะหน้าเปียก มีน้ำเหลืองไหล หลังจากทำ หรือบางทีหน้าบวม ซึ่งใช้ยาแก้ลำบาก และไม่ใช่สารมหัศจรรย์ ในการแก้ไขผิวหนังที่เสียจากการเป็นสิว

2. การลอกชนิดลึกปานกลาง
คือ น้ำยาลงไปถึงชั้นหนังแท้ด้านบน น้ำยาที่ใช้มักเป็นสาร TCA สารตัวนี้ลึกและดีกว่า กรด AHA แพทย์ผิวหนังเท่านั้นที่ใช้ยาตัวนี้ ให้ผลประสิทธิภาพดีกว่าสาร AHA รอยผิวหนังขรุขระจากการเป็นสิว ดีขึ้นหลังจากทำ เดือนละ 1 ครั้งนาน 1 ปี รอยย่นต่าง ๆ ก็ดีขึ้น

หลังจากทำการลอกหน้าให้คนไข้มา 30 ปี ทำมากกว่า 100,000 ครั้งพบข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ไม่สามารถทำในบุคคล ต่าง ๆ เช่น
คนผิวคล้ำทำแล้วหน้าจะดำคล้ำขึ้นกว่าเดิมในบางราย
คนที่ได้รับยามหัศจรรย์ กรดวิตามินเอ ชนิดรับประทาน ซึ่งรักษาสิวได้ทุกรูปแบบ อย่างหายขาด จะลอกไม่ได้เพราะแสบมาก
คนเป็นฝ้า ผู้ที่เคยได้รับยาชนิดแรง ๆ
คนที่ผิวละเอียดอ่อนเกินไป มีปัญหา
ผิวเด็กวัยรุ่น

สารอื่น ๆ เช่น น้ำยาเจสเนอร์ ให้ประสิทธิภาพดีกว่า AHA แต่ มีข้อเสีย คือ มีอัตราการแพ้ 2% ทำให้เกิดอาการหน้าบวม ขึ้นได้ เสียชื่อคนทำ ถึงแม้ว่าในตำราบอกว่า ไม่มีการแพ้ แต่ผู้เขียนพบว่า มีการแพ้

ดังนั้น ผู้เขียนซึ่งได้คิดน้ำยาสูตรใหม่ขึ้นมา เป็นสารผสมระหว่าง AHA ที่ไม่ใช่กรดไกลโคลิก ร่วมกับสาร BHA ให้ชื่อว่าบูลพีล blue peel ข้อดีของสารนี้คือ ในคนดังกล่าวข้างต้นที่ใช้สาร TCA ลอกหน้าไม่ได้ สารนี้กลับลอกได้ โดยไม่มีปัญหาและการลอกสม่ำเสมอกว่าแสบน้อยกว่า บางรายให้ความเห็นว่าหน้านุ่มหลังทำ แต่การที่ทำให้หน้านุ่มขึ้นไม่ใช่เหตุผลในการทำ เพราะได้ผลเพียง 10% เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น ดังนั้นบูลพลีจึงดีกว่าสาร AHA ชนิดไกลโคลิก ในแง่ประสิทธิภาพ และไร้การระคายน้อยกว่าสาร AHA การใช้บูลพลี จึงเป็นการลอกชนิดตื้นอีกชนิดหนึ่งที่ลึกกว่าสารเดิม การบอกให้คนไข้ ดื่มน้ำมาก ๆ หลังทำช่วยให้น้ำยาซึมเข้าสู่ร่างกาย ถูกขจัดลอกโดยเร็ว ในบางรายที่ต้องการลอกชนิดปานกลางเราใช้สารบูลพลี ร่วมกับ TCA จะให้ประสิทธิภาพดีมากในการลอกฝ้าและรบรอยด่างดำ

นอกจากนี้ความลึกของการลอกยังขึ้นกับ

ชนิดของน้ำยา
ความเข้มข้นของน้ำยา
จำนวนครั้งที่ทายาบนผิวหนัง
วิธีลอกใช้ทาหรือใช้ถู
การเช็ดเครื่องสำอางออกจากใบหน้า
การใช้ยาอะไรทามาก่อน
ความหนาของหน้า
เวลาในการทายา เช่น 30 วินาที หรือ 5 นาที

ดังนั้น การลอกหน้าจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญในการทำ เพื่อก่อให้ เกิดประโยชน์สูงสุด และไร้ปัญหา ตัวอย่างเช่น ใช้TCA ทาหน้าผู้ชายที่มีผิวหน้ากร้าน ไม่เคยใช้อะไรมาก่อน ผลคือ หน้าจะไม่ลอกเลย แต่ถ้าใช้ความเข้มข้นเดียวกันนี้ ทาหน้าผู้หญิง หน้าบาง เคยใช้กรดวิตามินเอมาก่อน ก่อให้เกิดการลอกถึงชั้นลึกถึงหน้าแท้ ผู้ที่ทำไม่ชำนาญ เมื่อลอกโดยใช้น้ำยาเข้มข้นกว่านี้ ก่อให้เกิดแผลเป็นเหมือนถูกน้ำกรดสาดเลยทีเดียว ดังนั้น เมื่อคุณคิดจะไปทำกับใคร ปรึกษาให้ดี

คุณอย่าหวังอะไรมาก ถ้าหากคุณจะไปลอกตามสถานที่คิดราคาแพง ๆ มาก โดยใช้สาร เช่น เขาบอกคุณว่าใช้สาร AHAแล้วผิวหนังของคุณที่มีแผลเป็นนี้จะหาย หลาย ๆ คนคงจะเคยโดนมาแล้ว เสียเงินก็แพง และไม่ได้ผล ที่เป็นเช่นนี้เพราะแน่นอนเลยว่า สาร AHA ไม่สามารถลบรอยแผลเป็นจากสิวให้หายไปได้ด้วยการทำ 1 ครั้ง หรือหลาย ๆ ครั้ง ถ้าคุณอยากจะลบรอยแผลเป็น จากสิวก็ต้องใช้ลอกชนิดลึก

3. การลอกชนิดที่ลึก

โดยใช้ เช่น ฟีนอล เหมาะสำหรับคนผิวขาวเท่านั้น คนไทยทั่ว ไปไม่เหมาะที่จะทำ เพราะก่อให้เกิดผิวหน้าดำขึ้นได้
การทำต้องมีวิสัญญีแพทย์ อีก 1 ท่าน เพราะสารนี้ก่อให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ต้องมีเครื่องตรวจคลื่นหัวใจ ชนิดดูตลอดเวลา หลังทำแล้ว ต้องปิดหน้า 7 วัน และอยู่ในห้องมืด หน้าของคุณจะเละมีน้ำเหลืองไหล อาจต้องเปลี่ยนผ้ากอซสะอาดทุกวัน ต้องใช้ยากันเชื้อไวรัสลง แต่ผลที่ทำสวยมาก แต่คนไทยทั่วไปไม่มีโชคอย่างนั้น อาจทำได้ในคนที่มีผิวขาวเท่านั้น

เมื่อผิวหน้าลอก 

เมื่อผิวลอกด้วยสารมาตรฐาน การลอกจะทำให้หน้าคล้ำ 7 วัน มีการตายของเซลล์ชั้นนอกสุด ผิวหนังของคุณจะลอกเป็นขุย หรือลอกหนาเป็นแผ่น ขึ้นอยู่กับว่า ขี้ไคลคุณมีมากเพียงใด บางคนไม่กล้าไปทำงานเพราะอาย ถ้าไม่กลัวหรืออายเพื่อน ใครถามก็ตอบว่า Sunburn (ผิวตากแดดไหม้) ก็แล้วกัน ห้ามดึงผิวที่ลอก ห้ามตากแดด ถ้าต้องโดนแสงแดดใช้ครีมกันแดด ที่มีประสิทธิภาพสูง งดใช้ครีมก่อนนอนคืนนั้น ไม่ต้องล้างหน้า 1 คืน ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นทำได้ปกติ โดยใช้เจลหลังเริ่มล้างหน้าอ่อน ๆ

ผลของการลอก 
การอุดตันของรูขุมขนน้อยลง สิวจะดีขึ้น
รอยด่างดำจะดีขึ้น
รอยขรุขระจากสิวจะลดลง
รอยย่นจะเริ่มจางลง

ไม่มีอะไรมหัศจรรย์ หลังจากการทำเพียง 1 ครั้ง ถ้าจะให้ผลดี ทำ ประมาณ 1 เดือนละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี ถ่ายรูปใบหน้าของคุณไว้แล้วเปรียบเทียบดู คุณจะเห็นความแตกต่างก่อนและหลังการรักษา



ปัญหาของการลอกหน้า 

บางคนว่าหน้าบาง ทำให้ใช้เครื่องสำอางอะไรไม่ได้ ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ หลังจากการทำจะทำให้ใบหน้าของคุณหนาขึ้น ชั้นหนังกำพร้าหนาขึ้น เพราะการสร้างใยคอลลาเจนใหม่ จะดำเนินต่อไป อีก 1 เดือนหลังจากลอก ความรู้สึกเท่านั้นที่บอกคุณว่าผิวบาง เพราะผิวของคุณไวต่อสารเคมีอื่น ๆ เท่านั้น วิธีนี้แก้โดยใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)

ในกรณีที่คุณมีผิวขรุขระลึก จากการเป็นสิว อาจต้องใช้วิธีกรอหน้าชนิด Microdermabrasion หรือกรอใช้เครื่องซึ่งมีสารอลูมิเนียม อ๊อกไซด์ในระบบสุญญากาศ ค่อย ๆ กรอผิวหนัง การกรอจะลึกกว่าการทำลอกหน้าชนิดลึกปานกลาง หลังทำปิดด้วยผ้ากอซ สามารถเอาออกได้ในวันรุ่งขึ้น หน้าจะตกสะเก็ดประมาณ 3-7 วัน หลบแดดเช่นเคย อีกวิธีหนึ่ง ใช้วิธีDermasanding โดยใช้น้ำยาลอกหน้าลงไปครั้งหนึ่งตามด้วยวิธีขัด โดยใช้เครื่องมือขัดสำหรับแผลเป็นลึก ๆ และคนไข้ที่มีผิวขาว ไม่ทำในคนผิวสีคล้ำ จึงจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ 

 แหล่งข้อมูล
นพ.ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์
http://www.phew-d.com/store/article/view/เคล็ดลับการถนอมผิวพรรณ_ตอนการลอกหน้า-85388-th.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น