ตอนที่แล้วเราได้พาคุณไปรุ้จักการเกิดแผลชนิดต่างๆมาแล้ว
แต่ถ้าหากพลั้งเผลอไปมีแผลแล้วเข้าให้ จะทำอย่างไรดีให้แผลหายเร็วๆ ขณะเดียวกันก้อไม่อยากให้เกิดแผลเป็นด้วยนะ
ขอเชิญติดตามเภสัชกรหนุ่มรูปหล่อแนะนำต่อไปครับ
ทำไมต้องเกิดรอยแผลเป็นด้วยหล่ะ
หากมีดบาดนิ้วคุณไปหนึ่งจึ้ก
เราจะพบว่าร่างกายคุณจะมีขบวนการรักษาแผลที่เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อออกไป โดยจะมีการสร้างเนื้อเยื่อซึ่งเป็นโปรตีนที่เรียกว่า
คอลลาเจน collagen มาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกฉีกขาดหายหรือถูกทำลายไป ต่อเมื่อแผลหายดีแล้ว
ที่คุณๆกังวลก้อคือการเกิดก็รอยแผลเป็นไว้ตรงบริเวณที่เกิดแผลมาก่อนนั่นเอง
รูปประกอบขบวนการหายของแผล
yourhealthywounds.com
ทำไมบางคนมีรอยแผลเป็นได้ง่ายมาก
เคยสังเกตุไหมว่าแผลที่มักทำให้เกิดรอยแผลเป็น
แผลผ่าตัด แผลจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ แผลสิว แผลจากโรคสุกใส ที่เกิดขึ้น บางคนเกิดเป็นได้ง้ายง่าย
ในขณะที่บางคนโชคดีกว่า ไม่ค่อยเกิดก้อมี ต้องมาเข้าใจก่อนว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดแผลเป็น
ในแต่ละคนมีอะไรบ้าง
1. ขั้นตอนการเกิดแผลเป็น คือเมื่อเกิดแผลแล้ว ตรงตำแหน่งของแผลหรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อจมีความรุนแรงมากน้อย
แผลตื้นหรือลึกเพียงใด ไปทำลายถึงเนื้อเยื่อล่างๆลงไปด้วยหรือไม่ ตัวอย่างเช่นหากคุณหกล้มจนเข่าเกิดบาดแผลเพียงชั้นบนของผิวเล็กน้อยในระดับของหนังกำพร้า
ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบางๆ ชั้นนอกสุด เมื่อแผลหายดีแล้วก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นนิดหน่อยเช่นกัน
ร่างกายคุณจะซ่อมแซมได้เอง เมื่อทิ้งไว้สักระยะหนึ่งรอยแผลเป็นจะค่อยๆจางหายไปได้เอง
ถ้าไม่สังเกตุอาจจะมองไม่เห็นรอยแผลเป็นเลยก็มี
แต่ถ้าหากมีการฉีกขาดเจาะลึกลงถึงชั้นหนังแท้หรือลึกกว่านั้นลงไป
ตัวอย่างเช่นประสบอุบัติเหตุรถชน มีแผลบาดลึก ฉีกขาดไปจนถึงชั้นของกล้ามเนื้อหรือกระดูก
คราวนี้หล่ะ งานใหญ่ในการซ่อมแผลจะยากมากว่าเดิม เมื่อหายดีแล้วอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้รำคาญใจได้
2. ขั้นตอนการรักษาแผลให้หาย
ถ้าเกิดแผลขึ้นมาแล้ว ถ้ามีการดูแลรักษาแผลอย่างดี จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ผลที่ตาามารอยแผลเป็นก็จะลดน้อยลงไปได้
แต่ถ้าหากดูแลรักษาไม่ดี ปล่อยให้มีความสกปรกหรือติดเชื้อซ้ำเติมลงไป จะทำให้แผลหายช้าและเกิดรอยแผลเป้นได้มากกว่า
3. ขบวนการสมานแผลเในแต่ละคนตามธรรมชาติ
เมือแผลหายเแล้ว ย่อมต้องเกิดรอยแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาลและนูนขึ้น
แต่ทว่าในแต่ละคน จะมีเมื่อขบวนการซ่อมแผลแตกต่างกันไป จากการวิจัยเราพบว่าในเด็กโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นได้น้อยกว่าในผู้ใหญ่
ในวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์จะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้บ่อยกว่าในวัยอื่นๆ คุณผู้หญิงจะมีโอกาสการเกิดแผลเป็นได้บ่อยและมากกว่าผู้ชาย
ในคนผิวคล้ำจะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้บ่อยและรุนแรงกว่าคนผิวขาว และสุดท้าย หากพ่อแม่ของคุณเคยเกิดแผลเป็นได้น้อยมากแถมยังสมานตัวไว
คุณเองก็จะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้น้อยลงเช่นกัน ขึ้นอยุ่กับพันธู์กรรมที่ได้ถ่ายทอดมานั่นเอง
ชนิดของรอยบาดแผล ชนิดไหนที่เกิดแผลเป็น
ตอนที่แล้วเราได้อธิบายอย่างละเอียดถึงชนิดของรอยบาดแผลมีมากมายหลายชนิด
แต่ที่เป็นปัญหาของการเกิดแผลเป็นจะมีดังนี้
1. รอยแผลเป็นนูนหนา
Hypertrophic scar คือแผลเป็นที่มีรอยสีแดงและนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ อยู่ในขอบพื้นที่ของรอยแผลที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือฉีกขาดของแผลเดิม
แผลเป็นชนิดนี้เกิดจาการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป และมักไม่ขยายกว้างขึ้นเกิดจากรอยโรคเดิม
2. คีลอยด์ Keloid คุ้นหูกันดีแล้วนั่นคือแผลเป็นที่มีอาการนูนและแดงคล้ายกับรอยแผลเป็นนูนหนาข้างบน
แต่กลับมีความผิดปกติบางประการที่ไปเร่งให้ เกิดการขยายรอยนูนดังกล่าว กว้างขึ้นออกไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆรอยของแผลตอนแรกเริ่ม
ทำอย่างไร ป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็น
เมือเกิดแผล สิ่งสำคัญอย่างแรกในการลดรอยแผลเป็นคือ
1. ต้องรีบลดสาเหตุและระดับความรุนแรงของการเกิดแผลให้เร็วที่สุด
อย่าให้แผลเกิดลึกมากหรือถูกทำลาย
2. ถ้าเกิดแผลขึ้นมาแล้ว ต้องดูแลรักษาทำความสะอาดแผลอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งเพื่อให้แผลหายเร็วที่สุด
หากคุณยิ่งรักษาแผลหายเร็วเท่าใด โอกาสในการเกิดแผลเป็นก็จะน้อยลงเท่านั้น คุณเองสามารถเริ่มต้นดูแลแผลได้โดยหากมีการเกิดแผลเล็กน้อย
การล้างหรือเช็ดทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ แล้วปิดแผลให้ปราศจากเชื้อ
เราไม่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์หรือยาฆ่าเชื้อ เช่น โพรวิโดนไอโอดีนชะลงที่แผลโดยตรง เพราะมีผลเสียต่อการสร้างเนื้อเยื่อ
ทำให้แผลหายช้า ลงไปอีก แต่ถ้าหากคุณไปมีแผลที่เลือดไหลไม่หยุด แผลขนาดใหญ่หรือแผลลึกมาก
แผลที่เกิดจากแมลงพิษกัด แผลบริเวณข้อต่อหรือข้อพับ และแผลที่มีอาการร้อนบวมแดงอักเสบ
และปวดรุนแรงหรือเป็นหนอง แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อชะล้างทำความสะอาดอย่างถูกวิธีเพื่อลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นต่อไป
3. เสริมปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยเร่งต่อการหายของแผลเร็วที่สุดเพื่อลดการเกิดแผลเป็นให้น้อยที่สุด
ได้แก่ การใช้ยาคอร์ติโคสตีรอยด์บรรเทาอาการอักเสบไม่ให้รุนแรงต่อเนื่อง การกินสารอาหารให้ครบหมู่และเพียงพอ
ลดการสูบบุหรี่ รักษาสภาวะอุณหภูมิให้อุ่น มีความชุ่มชื้น รักษาความเป็นกรดด่าง ph
7.4 และเพิ่มเติมก๊าซออกซิเจน จะทำให้แผลจะหายได้ดีขึ้น อาจเสริมสารอาหารวิตามินซี
และธาตุสังกะสี ในเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายระหว่างมีแผล
ตอนหน้าหากต้องเกิดแผลเป็นนูน
การรักษารอยแผลเป็นมีกี่วิธี
อันตรายไหม ช่วยลดรอยแผลได้จริงหรือ ต้องทำอย่างไร
แหล่งข้อมูล
•เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล สงวนลิขสิทธิ์ 18 พค. 2555
ห้ามนำบทความ รูปภาพและเนื้อหาอื่นๆ โดยผู้เขียนไปเผยแพร่เชิงพาณิชย์ ให้นำไปเผยแพร่เป็นวิทยาทานหรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น ผู้ประกอบการเว็บไซต์ต้องยึดหลักความเคารพและคำนึงถึงลิขสิทธิ์ในการสร้างสรรค์งานเขียนและจริยธรรมทางธุรกิจ
การนำเอาบทความ รูปภาพและเนื้อหาอื่นๆ ซึ่งผลิตขึ้นโดยผู้เขียนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและผลิตซ้ำเพื่อเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาและ
Copy url address ไปด้วยเพื่อให้ผู้อ่านสามารถลิ้งค์กลับมาอ่านบทความจากเว็บไซต์ของผู้เขียนได้โดยตรง
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพ ไม่แนะนำให้คุณนำไปใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรคด้วยตนเอง ขอความกรุณารับคำปรึกษาได้โดยตรงจากบุคลากรสหวิชาชีพทางสาธารณสุข รวมทั้งเภสัชกรใจดีที่พร้อมดูแลสุขภาพพ่อแม่พี่น้องนะครับ
· รูปประกอบจากอินเตอร์เนท
คู่มือรักษาแผล ตอนที่ 1: บาดแผลเกิดได้อย่างไร ขบวนการสมานแผล โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล, http://www.oknation.net/blog/DIVING/2011/04/29/entry-3
คู่มือรักษาแผล ตอนที่ 1: บาดแผลเกิดได้อย่างไร ขบวนการสมานแผล โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล, http://www.oknation.net/blog/DIVING/2011/04/29/entry-3
· คู่มือรักษาแผล ตอนที่ 2: ทำอย่างไรให้บาดแผลหายเร็ว
ไม่เกิดแผลเป็น โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล, http://www.oknation.net/blog/DIVING/2011/06/13/entry-1
· รักษาแผลเป็นให้หาย: ทำไมจึงเกิดแผลเป็นมาได้นะ?
โดยเภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล, http://utaisuk.blogspot.com/2012/05/blog-post_17.html
· Medscape wound management
center,http://www.medscape.com/resource/wound-management
· Nguyen, D.T., Orgill D.P., Murphy G.F.
(2009). Chapter 4: The pathophysiologic basis for wound healing and cutaneous
regeneration. Biomaterials For Treating Skin Loss. CRC Press (US) & Woodhead
Publishing (UK), Boca Raton/Cambridge, p.25-57.
· Stadelmann W.K., Digenis A.G. and Tobin
G.R. (1998).Physiology and healing dynamics of chronic cutaneous wounds. The
American Journal of Surgery 176 (2) : 26S-38S. PMID9777970 Hamilton, Ont. B.C.
Decker, Inc. Electronic book
· Midwood K.S., Williams L.V., and
Schwarzbauer J.E. 2004.Tissue repair and the dynamics of the extracellular
matrix. The International Journal of Biochemistry & Cell Biology 36 (6) :
1031-1037.
· Richard M Stillman, MD, Wound Care,
WebMD LLC ,http://emedicine.medscape.com/article/194018-overview
· Jorge I de la Torre MD, Wound Healing,
Chronic Wounds
· , WebMD LLC,
http://emedicine.medscape.com/article/1298452-overview
· Michael Mercandetti, MD, MBA, Wound
Healing, Healing and Repair, WebMD LLC,
http://emedicine.medscape.com/article/1298129-overview
· ผศ.นพ.สรวุฒิ ชูอ่องสกุล, แผลเป็น ,สาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง
ภาควิชาศัลยศาสตร์, Faculty of Medicine Siriraj Hospital, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล,
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=548
· นายแพทย์ทองดี ชัยพานิช , "Wound
Healing Process" , ผู้อำนวยการราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย, การสัมมนาวิชาการการดูแลแผลเรื้อรังด้วยการแพทย์แบบผสมผสาน,
โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๘ , สำนักการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
· นายแพทย์ บุญชัย ทวีรัตนศิลป์, Wound
healing, หน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น