ได้ไปพบบทความการจัดการกับอาการปวดต้นคอ...โดยอาจารย์หมอสารภี
ครบถ้วนทั้งข้อมูลและสามารถนำไปใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดคอ ขอเชิญตามไปอ่านได้ครับ
รูปอาการปวดคอ: จาก mayoclinic.com
1.โรคที่เป็นสาเหตุของอาการปวดต้นคอ
หากเราเกิดอุบัติเหตุเช่น รถชนกันทำให้ศีรษะหงายหลัง หรือเกิดจากข้ออักเสบทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมและมีการเลื่อนของหมอนรองกระดูกไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดเหมือนไฟช็อกจากต้นแขนไปปลายแขนร่วมกับอาการชา หากไม่รักษาอาจจะทำให้แขนอ่อนแรงถึงกับเป็นอัมพาต
เนื่องจากมีการเสื่อมของกระดูกต้นคอและหมอนรองกระดูกทำให้รูในท่อไขสันหลังแคบจึงมีการกดทับประสาทไขสันหลัง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดต้นคอ ชามือ เดินเร็วจะปวดขา ทำงานที่มีความละเอียดไม่ได้
กระดูกต้นคอก็เหมือนกับกระดูกที่อื่นๆ เมื่อใช้งานมานานก็เกิดการเสื่อมของกระดูก หมอนกระดูกจะบางลง และมีกระดูกงอกเงยออกมา ผู้ป่วยจะมีอาการปวดต้นคอ มักจะเป็นมากในตอนเช้า ปวดต้นคอร้าวไปบริเวณไหล่หรือสะบัก ตอนสายๆอาการจะดีขึ้น
ส่วนให้เกิดจากอุบัติเหตุรถหรือมอเตอร์ไซด์ มีการหงายหน้าอย่างรวดเร็วและรุนแรงทำให้มีการช้ำของกล้ามเนื้อ ในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะมีหมอนกระดูกทับเส้นประสาท
2.การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการเจ็บคอ
1.ผู้ที่มีอาการปวดต้นคอหรือที่เรียกว่าตกหมอนส่วนใหญ่จะเกิดจากการได้รับบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเอ็นรอบคอ คอจะแข็งอย่างเฉียบพลันหลังจากการเอี้ยว บิด ผิดท่าหรือภายหลังการตื่นนอน การรักษาสามารถทำได้โดย
•พยายามพัก อย่าเคลื่อนไหวคอ ทางที่ดดีควรจะนอนพัก
•รับประทานยาแก้ปวด หากไม่มากใช้ยา paracetamol 500 mg. หากปวดมากก็ให้รับประทานยากลุ่ม NSAID
•ในระยะแรกอาจจะประคบด้วยน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกห่อผ้าขนหนูวางบริเวณที่ปวด หรือจะใช้น้ำอุ่นประคบประมาณ 10-15 นาที
•การใส่ปลอกคอ มักจะไม่มีความจำเป็น นอกจากจะปวดมากๆ ไม่แนะนำให้มีการจับเส้นในระยะเฉียบพลันเพราะอาจจะเกิดผลเสีย
- โรคหมอนรองกระดูก Cervical Disc Disease
หากเราเกิดอุบัติเหตุเช่น รถชนกันทำให้ศีรษะหงายหลัง หรือเกิดจากข้ออักเสบทำให้ห
- ท่อไขสันหลังตีบ Cervial stenosis
เนื่องจากมีการเสื่อมของกระ
- กระดูกต้นคอเสื่อม Osteoartgritis
กระดูกต้นคอก็เหมือนกับกระด
- การได้รับอุบัติเหตุ
ส่วนให้เกิดจากอุบัติเหตุรถ
2.การดูแลตัวเองเมื่อมีอากา
1.ผู้ที่มีอาการปวดต้นคอหรื
•พยายามพัก อย่าเคลื่อนไหวคอ ทางที่ดดีควรจะนอนพัก
•รับประทานยาแก้ปวด หากไม่มากใช้ยา paracetamol 500 mg. หากปวดมากก็ให้รับประทานยาก
•ในระยะแรกอาจจะประคบด้วยน้
•การใส่ปลอกคอ มักจะไม่มีความจำเป็น นอกจากจะปวดมากๆ ไม่แนะนำให้มีการจับเส้นในร
รูปประกอบ: การฝึกออกกำลังกล้ามเ
2.สำหรับผู้ที่ปวดคอเรื้อรัง อาการปวดมักจะไม่รุนแรง เวลาก้มหรือเงย ตะแคงหรือเอี้ยวคอจะทำให้ปวดเพิ่มขึ้น
3.การดูแลเบื้องต้นได้แก่
•กินยาแก้ปวด
•ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่นไว้แล้ว
•การนวดหรือกดจุด โดยถูกหลักวิชาอาจจะช่วยระงับอาการปวดได้ การนวดง่ายๆอาจทำภายหลังจากการอาบน้ำอุ่นหรือประคบร้อนแล้ว 10-15 นาที
•เริ่มการฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อคอ
4.อาการเจ็บคอที่ต้องรีบพบแพทย์
อาการเจ็บคอโดยส่วนใหญ่ไม่อันตรายหายเองได้ แต่ก็มีบางภาวะที่ผู้ป่วยจะต้องรู้และรีบปรึกาาแพทย์
•อาการปวดต้นคอร่วมกับมีอาการชาหรืออ่อนแรงของแขนหรือขา และอาการอ่อนแรงเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
•อาการปวดข้อร่วมกับเบื่ออาหาร น้ำหนักลด
•มีอาการปวดคอร่วมกับมีไข้สูง คอแข็ง ก้มหน้าเอาคางจรดอกไม่ได้ซึ่งอาจจะเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
•อาการปวดต้นคอเป็นตลอดอย่างต่อเนื่อง
•มีอาการปวดต้นคออย่างมาก
•อาการเจ็บคอหลังจากได้รับอุบัติเหตุ
5.การออกกำลังกล้ามเนื้อคอ
กล้ามเนื้อคอเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและการรักษาการปวดคอเรื้อรังหรือเป็นๆหายหายๆ การบริหารกล้ามเนื้อคอจะแบ่งเป็นสองระยะได้แก่
•ในระยะแรกจะบริหารเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของเอ็นและกล้ามเนื้อรอบคอ โดยการเอียงคอไปทางซ้าย ขวา ก้มหน้า เงยหน้า
•ในระยะต่อมาจึงจะสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยการ ใช้แรงต้านจากมือ
•การออกกำลังกายโดยทั่วไป นับเป็นส่วนสำคัญข้อหนึ่ง เนื่องจากการออกกำลังกายจะทำให้หัวใจแข็งแรง มีการสูบฉีดโลหิตเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อของร่างกายหลายๆส่วน เช่นกล้ามเนื้อขา หลังจะแข็งแรง กระดูกจะเสื่อมน้อย
6.การรักษาโดยแพทย์
ความสำคัญของการรักษาแพทย์จะตรวจว่าหมอนกระดูกได้มีการกดทับเส้นประสาทหรือไม่ หากมีการกดทับมาก ผู้ป่วยเกิดอาการช้า หรืออ่อนแรงแขนหรือขา การรักษาจะต้องทำการผ่าตัดในการวินิจฉัยแพทย์จะถามประวัติเพิ่มเติม และมีการตรวจพิเศษเพื่อยืนยันการวินิจฉัย และหาตำแหน่งของโรค
7.การรักษาโดยกายภาพ
การทำกายภาพจะช่วยผ่อนคลายอาการปวดคอให้ท่านได้ โดยวิธีการดังต่อไปนี้
•การประคบร้อน
•การใช้เคื่อง ultrasound
•การอบร้อน Diathermy
•การใช้ Laser
•การดึงคอ
•การนวด
•การใส่ปลอกคอ
8.การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการปวดคอ
1.ระวังอริยาบท ทั้งการยืน การนั่ง การนอน การทำงาน
2.การทำงานควรหาเวลาหยุดพักเพื่อออกำลังกล้ามเนื้อคอ เคลื่อนไหวคอ หรือเปลี่ยนอิริยบทสัก 2-3 นาทีทุกชั่วโมง
3.การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสม
4.การพักผ่อนที่เพียงพอ การเลือกหมอน ที่นอน
5.การใช้ยา
6.การบริหารคอ
3.การดูแลเบื้องต้นได้แก่
•กินยาแก้ปวด
•ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ
•การนวดหรือกดจุด โดยถูกหลักวิชาอาจจะช่วยระง
•เริ่มการฝึกออกกำลังกล้ามเ
4.อาการเจ็บคอที่ต้องรีบพบแ
อาการเจ็บคอโดยส่วนใหญ่ไม่อ
•อาการปวดต้นคอร่วมกับมีอาก
•อาการปวดข้อร่วมกับเบื่ออา
•มีอาการปวดคอร่วมกับมีไข้ส
•อาการปวดต้นคอเป็นตลอดอย่า
•มีอาการปวดต้นคออย่างมาก
•อาการเจ็บคอหลังจากได้รับอ
5.การออกกำลังกล้ามเนื้อคอ
กล้ามเนื้อคอเป็นส่วนสำคัญใ
•ในระยะแรกจะบริหารเพื่อเพิ
•ในระยะต่อมาจึงจะสร้างความ
•การออกกำลังกายโดยทั่วไป นับเป็นส่วนสำคัญข้อหนึ่ง เนื่องจากการออกกำลังกายจะท
6.การรักษาโดยแพทย์
ความสำคัญของการรักษาแพทย์จ
7.การรักษาโดยกายภาพ
การทำกายภาพจะช่วยผ่อนคลายอ
•การประคบร้อน
•การใช้เคื่อง ultrasound
•การอบร้อน Diathermy
•การใช้ Laser
•การดึงคอ
•การนวด
•การใส่ปลอกคอ
8.การปฏิบัติตนเพื่อป้องกัน
1.ระวังอริยาบท ทั้งการยืน การนั่ง การนอน การทำงาน
2.การทำงานควรหาเวลาหยุดพัก
3.การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะส
4.การพักผ่อนที่เพียงพอ การเลือกหมอน ที่นอน
5.การใช้ยา
6.การบริหารคอ
แหล่งข้อมูล
อาจารย์หมอสารภี
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=408826799150069&set=a.123791347653617.12060.100000682560259&type=1&theater
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น