เมื่อลูกน้อยมีอาการงอแงผิดปกติย่อมทำให้พ่อแม่เกิดความกังวลใจจนนอนไม่หลับไปกับลูกน้อยเลยก้อมี การหาสาเหตุเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้หาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งเราต้องแก้ไขให้ลูกน้อยกลับไปสบายเนื้อสบายตัวมีความสุขได้อีก ตัวอย่างเช่น หากลูกน้อยมีอาการไม่สบายตัว มีไข้ป่วย หรือหิวร้องไห้หาอาหาร เราควรหาสาเหตุของอาการที่เป็นไปได้และแก้ไขเบื้องต้น
เช่น การเปลี่ยนผ้าอ้อมถ้าคิดว่าสาเหตุเกิดจากความเปียกชื้นของผ้าอ้อม
การให้รับประทานนมถ้าคิดว่าเกิดจากความหิว ในกรณีที่ลูกยังมีอาการไม่ดีขึ้น
ควรคิดถึงสาเหตุจากความเจ็บป่วย เรามีบทความคู่มือพ่อแม่มือใหม่ ในการดูแลอาการป่วยเบื้องต้นของ
อาจารย์ นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ ที่จะมาเป็นคู่มือให้ พ่อแม่คอยเฝ้าสังเกตอาการที่ผิดปกติของลูกน้อยซึ่ง
ต้องอาศัยการสังเกตรวมทั้งประสบการณ์ของพ่อแม่มือใหม่ โดยเฉพาะในน้องเล็กที่ยังพูดหรือบอกอาการไม่ได้
เมื่อลูกเป็นไข้ ทำอย่างไร?
เมื่อลูกเป็นไข้ ถ้าอาการไข้ไม่สูง
ควรเช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำที่ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
โดยเช็ดค่อนข้างแรงเพื่อให้หลอดเลือดขยายตัวและระบายความร้อนได้ดี
ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่ลูกมีผิวค่อนข้างแดง และควรเน้นการเช็ดบริเวณข้อพับ ซอกคอ
รักแร้ ในขณะเช็ดตัวควรถอดเสื้อผ้าลูกให้หมด ปิดแอร์หรือพัดลม
และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หลังเช็ดตัว ควรใส่เสื้อบางๆ เพื่อให้ความร้อนระบาย
ไม่แนะนำให้ใส่เสื้อหนาๆ หรือห่อลูกหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออก
เนื่องจากอุณหภูมิอาจขึ้นสูงจนเกิดอาการชักได้ ในกรณีที่ยังมีไข้สูงหลังเช็ดตัว
อาจพิจารณาให้ยาลดไข้พาราเซตามอลตามขนาดน้ำหนักเด็ก ดังนี้
ชนิดของยา ขนาดของยาพาราเซตามอล
ชนิดหยด 1
ซีซีต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม
ชนิดน้ำเชื่อม 1 ช้อนชา (5 ซีซี) ต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม
(หากเป็นยาสำหรับใช้ในเด็กโต
ให้ลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง)
ชนิดเม็ด 325
มิลลิกรัม 1 เม็ดสำหรับน้ำหนัก 20-40 กิโลกรัม
ชนิดเม็ด 500
มิลลิกรัม 1 เม็ดสำหรับน้ำหนักตัว 40 กิโลกรัมขึ้นไป
ไม่แนะนำให้ซื้อยาลดไข้สูงหรือใช้ยาลดไข้สูงโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงได้
อาการอะไรน้า? ที่ควรพามาพบแพทย์ทันที
ได้แก่
อาการไข้สูงหรือไข้ไม่ลดหลังการดูแลเบื้องต้นที่บ้าน ซึม ชัก
หรือมีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะมาก อาเจียนพุ่ง ปวดท้อง
เมื่อลูกเป็นหวัด
ถ้าลูกน้อยมีอาการน้ำมูกไหล ไอ หรือจาม
การดูแลเบื้องต้นคือ การเช็ดน้ำมูกให้ทางเดินหายใจโล่ง การรักษาร่างกายให้อบอุ่น
ดื่มน้ำและพักผ่อนนอนหลับมากๆ โดยทั่วไปอาการจะค่อยๆ
ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน
อาการที่ควรพามาพบแพทย์ ได้แก่
ไอรุนแรง หายใจเร็ว หอบ ซึม น้ำมูกเหลืองหรือเขียวเป็นเวลานาน
เมื่อลูกปวดท้อง
อาการปวดท้องเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กวัยก่อนเรียนและวัยเรียน
อาการปวดท้องที่อาจมีความสำคัญคือปวดท้องรุนแรงจนลูกน้อยต้องหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่
หรือร้องกวนมาก
ในเด็กอายุน้อยมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
อาเจียน ปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ ไข้ เมื่อลูกมีอาการปวดท้อง
พ่อแม่สามารถใช้น้ำอุ่นมาประคบบริเวณท้อง และให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดและอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น น้ำอัดลม ถั่ว
ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น ควรพามาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม ต่อไป
เมื่อลูกอาเจียน
อาการอาเจียนเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กและเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ในกรณีที่ลูกน้อยมีอาการอาเจียนพ่อแม่สามารถดูแลเบื้องต้นโดยการให้รับประทานอาหารอ่อน
ย่อยง่าย
ลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อและเพิ่มจำนวนมื้อที่รับประทาน
ทดแทนน้ำและเกลือแร่โดยการจิบน้ำผสมผงเกลือแร่ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก อาการจะค่อยๆ
ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นควรพาไปพบแพทย์
อาการอื่นที่ควรพามาพบแพทย์ได้แก่
อาเจียนเป็นสีเหลืองคล้ายน้ำดี อาเจียนพุ่ง ปากแห้งมาก ตาลึก กระหม่อมบุ๋ม
ปัสสาวะออกลดลง หรือมีอาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ซึม ชัก
เมื่อลูกถ่ายเหลว
ในกรณีที่ลูกน้อยมีอาการถ่ายเหลว
พ่อแม่สามารถดูแลเบื้องต้นโดยการให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
อาจลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อและเพิ่มจำนวนมื้อที่รับประทาน
แต่ไม่แนะนำให้เจือจางนม เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เด็กขาดอาหาร
นอกจากนี้ควรทดแทนน้ำและเกลือแร่ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นควรพาไปพบแพทย์
อาการอื่นที่ควรพามาพบแพทย์
ได้แก่ ถ่ายเป็นมูกปนเลือด มีอาการขาดน้ำอย่างมาก เช่น ตาลึก กระหม่อมบุ๋ม
ปัสสาวะออกลดลง หรือมีอาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ซึม ชัก
ส่วนมากอาการป่วยของลูกน้อยที่เกิดขึ้น
เป็นอาการที่พ่อแม่สามารถให้การดูแลรักษาเบื้องต้นที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม
อาจต้องอาศัยการสังเกตและประสบการณ์
โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถพูดหรือบอกอาการชัดเจนได้
ในกรณีที่ลูกน้อยป่วยรุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้นจากการดูแลเบื้องต้น อย่าลังเลที่ควรนำมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
แหล่งข้อมูล
รศ. นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ , เมื่อลูกน้อยป่วย...
การดูแลเบื้องต้น, Chulakid.Com,
ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, http://www.chulakid.com/forum/index.php?topic=125.0
รูปประกอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น