วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การดูแลเบื้องต้น เมื่อลูกน้อยป่วย?


เมื่อลูกน้อยมีอาการงอแงผิดปกติย่อมทำให้พ่อแม่เกิดความกังวลใจจนนอนไม่หลับไปกับลูกน้อยเลยก้อมี การหาสาเหตุเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้หาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งเราต้องแก้ไขให้ลูกน้อยกลับไปสบายเนื้อสบายตัวมีความสุขได้อีก ตัวอย่างเช่น หากลูกน้อยมีอาการไม่สบายตัว มีไข้ป่วย หรือหิวร้องไห้หาอาหาร เราควรหาสาเหตุของอาการที่เป็นไปได้และแก้ไขเบื้องต้น เช่น การเปลี่ยนผ้าอ้อมถ้าคิดว่าสาเหตุเกิดจากความเปียกชื้นของผ้าอ้อม การให้รับประทานนมถ้าคิดว่าเกิดจากความหิว ในกรณีที่ลูกยังมีอาการไม่ดีขึ้น ควรคิดถึงสาเหตุจากความเจ็บป่วย เรามีบทความคู่มือพ่อแม่มือใหม่ ในการดูแลอาการป่วยเบื้องต้นของ อาจารย์ นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ ที่จะมาเป็นคู่มือให้ พ่อแม่คอยเฝ้าสังเกตอาการที่ผิดปกติของลูกน้อยซึ่ง ต้องอาศัยการสังเกตรวมทั้งประสบการณ์ของพ่อแม่มือใหม่ โดยเฉพาะในน้องเล็กที่ยังพูดหรือบอกอาการไม่ได้ 
       
เมื่อลูกเป็นไข้ ทำอย่างไร?
        เมื่อลูกเป็นไข้ ถ้าอาการไข้ไม่สูง ควรเช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำที่ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด โดยเช็ดค่อนข้างแรงเพื่อให้หลอดเลือดขยายตัวและระบายความร้อนได้ดี ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่ลูกมีผิวค่อนข้างแดง และควรเน้นการเช็ดบริเวณข้อพับ ซอกคอ รักแร้ ในขณะเช็ดตัวควรถอดเสื้อผ้าลูกให้หมด ปิดแอร์หรือพัดลม และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หลังเช็ดตัว ควรใส่เสื้อบางๆ เพื่อให้ความร้อนระบาย ไม่แนะนำให้ใส่เสื้อหนาๆ หรือห่อลูกหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออก เนื่องจากอุณหภูมิอาจขึ้นสูงจนเกิดอาการชักได้ ในกรณีที่ยังมีไข้สูงหลังเช็ดตัว อาจพิจารณาให้ยาลดไข้พาราเซตามอลตามขนาดน้ำหนักเด็ก ดังนี้

ชนิดของยา    ขนาดของยาพาราเซตามอล
ชนิดหยด      1 ซีซีต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม
ชนิดน้ำเชื่อม  1 ช้อนชา (5 ซีซี) ต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม
(หากเป็นยาสำหรับใช้ในเด็กโต ให้ลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง)
ชนิดเม็ด       325 มิลลิกรัม 1 เม็ดสำหรับน้ำหนัก 20-40 กิโลกรัม
ชนิดเม็ด       500 มิลลิกรัม 1 เม็ดสำหรับน้ำหนักตัว 40 กิโลกรัมขึ้นไป
  
        ไม่แนะนำให้ซื้อยาลดไข้สูงหรือใช้ยาลดไข้สูงโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงได้
   
อาการอะไรน้า? ที่ควรพามาพบแพทย์ทันที
 ได้แก่ อาการไข้สูงหรือไข้ไม่ลดหลังการดูแลเบื้องต้นที่บ้าน ซึม ชัก หรือมีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะมาก อาเจียนพุ่ง ปวดท้อง

เมื่อลูกเป็นหวัด
ถ้าลูกน้อยมีอาการน้ำมูกไหล ไอ หรือจาม การดูแลเบื้องต้นคือ การเช็ดน้ำมูกให้ทางเดินหายใจโล่ง การรักษาร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำและพักผ่อนนอนหลับมากๆ  โดยทั่วไปอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน
        อาการที่ควรพามาพบแพทย์ ได้แก่ ไอรุนแรง หายใจเร็ว หอบ ซึม น้ำมูกเหลืองหรือเขียวเป็นเวลานาน

เมื่อลูกปวดท้อง
อาการปวดท้องเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กวัยก่อนเรียนและวัยเรียน
อาการปวดท้องที่อาจมีความสำคัญคือปวดท้องรุนแรงจนลูกน้อยต้องหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ หรือร้องกวนมาก

ในเด็กอายุน้อยมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน ปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ ไข้ เมื่อลูกมีอาการปวดท้อง พ่อแม่สามารถใช้น้ำอุ่นมาประคบบริเวณท้อง และให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดและอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น น้ำอัดลม ถั่ว       
ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น ควรพามาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม ต่อไป

เมื่อลูกอาเจียน
อาการอาเจียนเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กและเกิดได้จากหลายสาเหตุ ในกรณีที่ลูกน้อยมีอาการอาเจียนพ่อแม่สามารถดูแลเบื้องต้นโดยการให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย  ลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อและเพิ่มจำนวนมื้อที่รับประทาน ทดแทนน้ำและเกลือแร่โดยการจิบน้ำผสมผงเกลือแร่ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นควรพาไปพบแพทย์
        อาการอื่นที่ควรพามาพบแพทย์ได้แก่ อาเจียนเป็นสีเหลืองคล้ายน้ำดี อาเจียนพุ่ง ปากแห้งมาก ตาลึก กระหม่อมบุ๋ม ปัสสาวะออกลดลง หรือมีอาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ซึม ชัก  

เมื่อลูกถ่ายเหลว
ในกรณีที่ลูกน้อยมีอาการถ่ายเหลว พ่อแม่สามารถดูแลเบื้องต้นโดยการให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย อาจลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อและเพิ่มจำนวนมื้อที่รับประทาน แต่ไม่แนะนำให้เจือจางนม เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เด็กขาดอาหาร นอกจากนี้ควรทดแทนน้ำและเกลือแร่ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นควรพาไปพบแพทย์
        อาการอื่นที่ควรพามาพบแพทย์ ได้แก่ ถ่ายเป็นมูกปนเลือด มีอาการขาดน้ำอย่างมาก เช่น ตาลึก กระหม่อมบุ๋ม ปัสสาวะออกลดลง หรือมีอาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ซึม ชัก 

ส่วนมากอาการป่วยของลูกน้อยที่เกิดขึ้น เป็นอาการที่พ่อแม่สามารถให้การดูแลรักษาเบื้องต้นที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม อาจต้องอาศัยการสังเกตและประสบการณ์ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถพูดหรือบอกอาการชัดเจนได้  ในกรณีที่ลูกน้อยป่วยรุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้นจากการดูแลเบื้องต้น อย่าลังเลที่ควรนำมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

แหล่งข้อมูล
รศ. นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ , เมื่อลูกน้อยป่วย... การดูแลเบื้องต้น, Chulakid.Com,
ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, http://www.chulakid.com/forum/index.php?topic=125.0

รูปประกอบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น