วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Value Chain ทำธุรกิจอย่างไร ไม่ให้เจ้ง


เมื่อวานได้ไปแวะศูนย์การค้าที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่ถึงปีของโครงการที่ได้ชื่อว่าเป็น Art Village ของย่านที่ได้ชื่อว่ามีการขยายตัวของชุมชนระดับกลางและบนสูงที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าในวันเปิดตัวที่มี concert นักร้อง K POP พร้อมด้วยค่ายเพลงต่างๆมาใช้สถานที่ถ่ายทำ MV มากมาย เจ้าของร้านคนรุ่นหนุ่มสาวไฟแรงคาบช้อนแพลทตินัมต่างขนเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน สรรพอาหารร้านกาแฟเลิศหรู มาใฝ่ฝันหวังจับลูกค้ากลุ่มบน 

แต่ภายในครึ่งปี มากกว่าครึ่งของร้านที่ต้องปิดตัวลงไปอย่างชอกช้ำเพราะจมไปกับค่าเช่าที่แสนแพง แต่วันนี้คำตอบของการสานต่อองค์กรทั้งหลายบอกมาแล้วว่าไปไม่รอด มีอะไรเกิดขึ้นกับโครงการในฝัน

ในสภาวะบรรยากาศกำลังซื้อที่เพิ่งฟื้นตัวมากจากมหาอุทกภัยเมื่อ่ปีที่แล้ว กำลังซื้อที่อั้นมาตลอดไตรมาสที่สามและสี่ของปีที่แล้วกลับไม่เพียงพอที่จะส่งต่อให้ศูนย์การค้าดังกล่าวไปต่อได้ วันนี้เราขอให้เริ่มทบทวนเรื่อง
Value Chain อะไรที่เราจะเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันให้อยู่รอด ทั้งในด้าน Customer Value, Product Value, และ Value Chain
Customer Value คือ "คุณค่าที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคต้องการหรือปราถนา"เป็นสิ่งแรกๆที่เราต้อง"เข้าใจให้ได้ อ่านให้ออก ตีให้แตก" คำถามที่เราต้องเข้าใจก่อนว่า "อะไรหรือทำไมลูกค้า ถึงต้องมาหาเรา เขายอมเสียเงินไปเพื่อเหตุผลใด อะไรกันแน่คือสิ่งที่เขาค้นหา"

ลูกค้าของเราเค้าให้ "
Value" กับเรื่องไหนที่สำคัญมากที่สุดในมุมมองของเขา ไม่ใช่มุมมองของเรา  ถามลูกค้าเราว่า "ปัจจัยอะไร สินค้าอย่างไน บริการเช่นใด ที่ให้ความสะดวก ความปลอดภัย ความทนทาน ความทันสมัย ความสมกับฐานะหรือวัยของเขา" สิ่งใดคือโจทย์ในใจที่เขาอยากได้ อย่าได้คิดเอาเอง อย่าได้ผยองลืมตนว่าเราสรรหาสางที่เหมาะกับเขามาแล้ว ลูกค้าเรามันรสนิยมต่ำ ตาบอดไม่เห็นคุณค่าของเรา ถ้าคิดอย่างหลัง เจ้าของที่เจ้งไปแล้วเท่านั้นต่างหากที่ตาบอดไม่เห็นเอง


กลับไปคิดก่อนไหม ว่า Value อะไรที่ลูกค้าเราอยากได้ ตอนหน้าเราจะมาต่อตอนต่อไปที่ Product Value ว่าเราเก่งแค่
ไหนที่จะตอบโจทย์ในใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน ไม่ให้กิจการเจ้ง


รูปประกอบ:

Happy customers are the best form of promotion for your business.
chadaustinmusic.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น