เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา คนไข้ 9 ใน 10 รายที่มาแวะเยี่ยมที่ร้านยาไม่ว่าไทย ญี่ปุ่น
ฝรั่ง แขก พม่า เขมร นานาชาติล้วนแต่มีปัญหาโรคติดเชื้อและภูมิต้านทานลดลง มาจามฮัดเช้ย น้ำมูกไหลหรือเจ็บคอกันทั้งหมด ไปเจอบทความ 'Help your body beat your bugs' ที่มีอาจารย์ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ เพื่อนบ้านที่โอเคเนชั่นแปลอยู่
จึงขอมาแบ่งปันเป็นแนวทาง
วิธีเพิ่มภูมิต้านทานโรคดังนี้
ร่างกายเราสู้เชื้อโรคได้อย่างไร
อ.จอห์น เคอร์นาว จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม
อังกฤษ (UK) กล่าวว่า เซลล์ระบบภูมิต้านทานโรคของคนเรามี 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
(1). นักกินเชื้อโรค > แมโครฟาจ
(macrophage; macro), และนิวโทรฟิล (neutrophil) ทำหน้าที่กลืนแบคทีเรีย (เชื้อโรคกลุ่มหนึ่ง)
และทำลายแบคทีเรียด้วยน้ำย่อย (เอนไซม์) หรือสารเคมีหลายชนิดภายในเซลล์
(2). นักกินเซลล์หรือ 'T cells' > เซลล์
T (T cells) ทำหน้าที่กินเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส หรือกลายเป็นมะเร็ง
(3). นักสร้างสารเคมีหรือ 'B cells' >
เซลล์ B (B cells) ทำหน้าที่สร้างสารเคมีที่ทำหน้าที่คล้ายกับดัก (antibody) ซึ่งทำหน้าที่ดักจับไวรัสไว้
ไม่ให้เข้าไปในเซลล์ของร่างกาย
ยิ่งสูงอายุ ทำไมอ่อนแอลง
ศ. จาเนท ลอร์ด จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม
อังกฤษ (UK) กล่าวว่า คนที่มีอายุมากขึ้น (เกิน 65 ปี) มักจะมีภูมิต้านทานโรคลดลง เนื่องจากร่างกายสร้างเซลล์
T ได้น้อยลง และเซลล์ระบบภูมิต้านทานที่เหลือก็จะทำหน้าที่ได้น้อยลงไปด้วย
ตัวอย่างเช่น หลังการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่...
คนอายุน้อยจะสร้างภูมิต้านทานมากพอที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 4/5 ของคนทั้งหมด
หรือถ้าฉีด 5 คนจะมีภูมิต้านทานสูงพอที่จะป้องกันโรคได้ 4 คน
คนสูงอายุจะสร้างภูมิต้านทานโรคหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้มากพอไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคนทั้งหมด
หรือถ้าฉีด 100 คนจะมีภูมิต้านทานสูงพอที่จะป้องกันโรคได้ไม่ถึง 50 คน เนื่องจากเซลล์ฝ่ายกินเชื้อโรคเองก็มีความสามารถลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่งของคนอายุน้อย
วิธีเพิ่มภูมิต้านทาน (ภูมิคุ้มกัน) โรคที่สำคัญได้แก่
(1). ลดน้ำหนักลงช้าๆ (ถ้าน้ำหนักเกินเกณฑ์)
น้ำหนักตัวที่พอดี หรืออยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับคนเอเชียคิดจากดัชนีมวลกาย
(body mass index / BMI) = 18.5-22.9 ซึ่งคิดได้จากน้ำหนักเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร
2 ครั้ง
น้ำหนักตัวที่พอดีสำหรับคนไทย (ไม่ควรเกิน
BMI = 22.9) = 22.9 x ส่วนสูงเป็นเมตร x ส่วนสูงเป็นเมตร เช่น สมมตินายกอสูง 170 เซนติเมตร
จะได้น้ำหนักไม่ควรเกิน 22.9 x 1.7 x 1.7 = 66.18 กิโลกรัม
เซลล์ไขมันที่มากเกินจะหลั่งสารกดภูมิต้านทานโรคออกมา
ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง... วิธีที่ดี คือ ให้ลดน้ำหนักลงช้าๆ (ไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์)
ด้วยการกินอาหารสุขภาพที่มีอาหารครบทุกหมู่ มีไขมัน-แป้ง-น้ำตาลต่ำหน่อย มีเส้นใยหรือไฟเบอร์มากหน่อย
เช่น เปลี่ยนข้าวข้าวเป็นข้าวกล้อง ฯลฯ
อย่าลดน้ำหนักให้ลดลงมากกว่า 0.5 กก./สัปดาห์
เนื่องจากอาจทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลงจากการขนาดโปรตีน (ใช้ในการสร้างสารภูมิต้านทาน)
หรือกำลังงาน (การสร้างโปรตีนจะต้องอาศัยทั้งโปรตีน และกำลังงานมากพอ)
(2). นอนให้มากพอ
คนส่วนใหญ่ต้องการนอน 7 ชั่วโมง/คืน... การศึกษาจากสหรัฐฯ
พบว่า การอดนอน 1 คืนทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง โดยทำให้เซลล์ T กินเซลล์ที่ติดไวรัสหรือมะเร็งได้น้อยลง
และเซลล์ B สร้างภูมิต้านทานโรคได้น้อยลง
(3). ออกกำลังบ่อยๆ
การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Br J Sports
Medicine รายงานว่า การออกแรง-ออกกำลัง 5 วัน/สัปดาห์ลดโอกาสติดหวัดได้ 43-46%
การศึกษาจากสหรัฐฯ รายงานว่า การออกกำลังแรงปานกลาง
เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ฯลฯ เพิ่มระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนได้ 2 เท่า
(4).
หลีกเลี่ยงและลดความเครียด
การศึกษาหนึ่งพบว่า ความเครียดทางกายจากกระดูกต้นขา
หรือข้อสะโพกหัก (hip fracture) ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลงได้มากพอๆ กับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
กลไกที่เป็นไปได้คือ ความเครียดเรื้อรังทำให้ฮอร์โมนเครียดมีระดับสูงขึ้น
และเซลล์นักกิน (neutrophil) กินเชื้อโรคได้น้อยลง
ศ.ลอร์ดกล่าวว่า คนเรามักจะกล่าวกันว่า คนสูงอายุที่สูญเสียคู่ครองมักจะตายตามจากหัวใจแตกสลาย
(broken heart)... จริงๆ แล้ว, คนเหล่านี้ตายจากภาวะภูมิต้านทานโรคลดลง
(5). กินอาหารเสริมภูมิต้านทานโรค
ศ.รอน คัทเลอร์ จากมหาวิทยาลัยลอนดอน แนะนำให้กินอาหารที่มีจุลินทรีย์ชนิดดี
เช่น โยเกิร์ต/นมเปรี้ยว ฯลฯ เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังกินยาปฏิชีวนะ (ควรเลือกชนิดไขมันต่ำ-น้ำตาลต่ำ)
อาหารอื่นๆ ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานโรค (ไม่จำเป็นต้องได้รับขนาดสูง)
ได้แก่
เซเลเนียม > มีในปลาทะเล เนื้อ สัตว์ปีก
ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ฯลฯ ไข่ นัท (nut = เมล็ดพืชเปลือกแข็งกระเทาะเปลือก) เช่น บราซิลนัท
วอลนัท ฯลฯ [ NIH ]
เหล็ก > มีในเนื้อสัตว์ เลือดสัตว์ เมล็ดพืช)
สังกะสี > มีในหอยนางรม อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์นม
เนื้อ สัตว์ปีก ถั่ว นัท เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ ข้าวโอ๊ต [ NIH ]
วิตามิน A > มีในผักผลไม้ที่มีสีส้ม-เหลือง,
คนที่มีตัวเหลืองง่ายหลังกินผักผลไม้ เช่น ส้ม ฯลฯ อาจขาดเอนไซม์ หรือน้ำย่อยในการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีน
(สารก่อนวิตามิน A) เป็นวิตามิน A, การกินวิตามินรวม (มีขายเป็นขวด - เม็ดละไม่กี่สิบสตางค์)
พร้อมอาหารที่มีไขมันช่วยป้องกันการขาดวิตามิน A ได้
วิตามิน C > มีในผัก ผลไม้สด
วิตามิน E > มีในน้ำมันพืช เมล็ดพืช
(6). รับแสงแดดอ่อน
ศ.ลอร์ด กล่าวว่า แสงแดดอ่อนช่วยให้ผิวหนังสร้างวิตามิน
D ซึ่งช่วยให้เซลล์นักกินเชื้อโรค (macrophages) กินเชื้อโรค เช่น วัณโรค ฯลฯ ได้
อาหารที่มีวิตามิน D สูงได้แก่ ปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด
น้ำมันปลา ไข่แดง
คนสูงอายุในสหราชอาณาจักร (UK) ขาดวิตามิน
D ประมาณ 80%, ขนาดของแสงแดดอ่อนตอนเช้า (ก่อน 9.00 น.) หรือเย็น (หลัง 16.00 น.) ที่ช่วยให้ผิวหนังสร้างวิตามิน
D ได้พอ (ควรใส่เสื้อแขนสั้น-กางเกงขาสั้น) คือ 20 นาที/วัน
คนที่ได้รับแสงแดดอ่อนไม่มากพอ ควรกินวิตามินรวมวันละ
1 เม็ดพร้อมอาหารที่มีไขมัน เนื่องจากวิตามิน D ต้องอาศัยน้ำมันเป็นพาหะนำเข้าสู่ร่างกาย
(7). ระวังจมูกเย็น อย่าให้เป็นหวัดง่ายๆ
ศ.รอน เอคเคิลส์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหวัดจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์
อังกฤษ (UK) กล่าวว่า จมูกคนเราเป็นด่านหน้าในการป้องกันโรคหวัด-ไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่
เซลล์ขน (cilia) ที่ทำหน้าที่พัดโบกสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคออกจากทางเดินหายใจจะทำงานได้ดีขึ้นถ้าไม่เย็น
เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงสถานที่เย็นจัด เช่น ไม่เปิดแอร์เป่าลมมาตรงตัวเรา ใช้ผ้าพันคอถ้ารู้สึกหนาว
ฯลฯ
(8). หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน
การล้างมือด้วยสบู่ หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนกินอาหาร-ดื่มน้ำ-สัมผัสใบหน้า-ก่อนเข้าบ้าน,
หลังใช้ห้องน้ำ-ใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น ช่วยป้องกันโรคหวัด-ไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่-ลำไส้อักเสบจากไวรัส
(ทำให้ท้องเสีย) ได้
การหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในห้องแอร์ที่มีคนอยู่กันมากๆ
เช่น ไนท์คลับ ผับ บาร์ โรงหนัง ฯลฯ และไม่เข้าใกล้คนที่ไอหรือจามในระยะ 2 เมตร ช่วยป้องกันโรคได้ในระดับหนึ่ง
(ถ้าอากาศระบายไม่ดี ควรหลีกหนีให้ไกลกว่านั้น)
(9). ไม่ดื่มหนัก
การไม่ดื่ม (แอลกอฮอล์) หนัก ช่วยป้องกันภูมิต้านทานต่ำลงได้
(การดื่มหนักทำให้เซลล์ T ทำงานได้แย่ลง)
(10). ไม่สูบ
การไม่สูบบุหรี่ และไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป
ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หวัด-ไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม วัณโรค ฯลฯ
ได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากบุหรี่กดภูมิคุ้มกันของทางเดินหายใจ
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การฝึกไทชิ (ชี่กง) เดินจงกลมเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ เมืองไทยเราน่าจะทำการศึกษาวิจัยดูว่า
การออกแรง-ออกกำลังรูปแบบอื่นๆ ในไทย เช่น รำกระบองชีวจิต มวยจีน ฯลฯ เพิ่มภูมิต้านทานโรคได้หรือไม่
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ
ครับ
แหล่งข้อมูล
วิตามินต่างๆ
ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
immune systems,
Fight Flu with Food: Naturally Boost Your Immune System to Stay Healthy,
รูปประกอบจาก
Proper Nutrition to Keep Oral Healthy, jefraskin.com
Guide to quit smoking Quitting smoking is undoubtedly the best decision you, saferxdrugs.com