วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ทำไมต้องใช้ ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก? โดยเภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล


มีซองคำถามจากแม่อุ๋ย คุณแม่แอร์สวยปริ้ด กะลูกชายน้องฮีโร่ ถามมาว่า ทำไมเมือลูกน้อยซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อนแล้ว แต่จะแย่มาก ถ้าเวลาเป็นหวัดจะคัดจมูก น้ำมูกก้อไหลเยอะมาก น้องเขาจะหายใจไม่ออก ทรมานมากแต่เมื่อไปหาหมอแล้ว ทำไมจึงได้รับจ่ายยาพ่นในกลุ่ม Steroids ที่เป็นยาแก้อักเสบหล่ะ และถ้าใช้ไปนานๆจะเกิดอันตรายไหม?

ทำไมต้องใช้ ยาสตีรอยด์ชนิดพ่นจมูก?
ในเด็กหรือคนไข้ ที่มีอาการของโรค allergic rhinitis เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบในเยื่อบุจมูก โดยเป็นผลจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ของตัวน้องเขาเองที่ตอบสนองต่อสารแปลกปลอมที่ก่อภูมิแพ้  ความจริงแล้วน้องเขาจะได้รับยาหลายกลุ่ม แต่เพื่อลดอาการอักเสบที่จมูกบวม ทางเดินหายใจตีบตัน แพทย์จะพิจารณาสั่งจ่ายยาต้านการอักเสบ เป็นยาตัวแรกๆที่เลือกมาใช้ในการรักษา เพื่อลดอาการจาม คัน คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล ที่รุนแรงอย่างมากจนไปรบกวนความสุขของชีวิตประจำวัน

ดังนั้นเราจึงเลือกใช้ยาต้านการอักเสบที่อยู่ในรูปแบบ ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก ซึ่งมีหลายสูตร หลายชนิด ถ้าคุณแม่หยิบขวดมาดูจะพบว่าได้แก่ยาที่มีตัวยาออกฤทธิ์ดังต่อไปนี้
               Beclomethasone propionate 
               Budesonide 
               Fluticasone propionate 
 
               Mometasone furoate  และ ..
               Triamcinolone acetonide 

จะเลือกใช้ตัวไหนหล่ะ?
จริงๆแล้ว ในมุมมองของเภสัชกร ยาแต่ละตัวดังกล่าวจะแตกต่างกันในด้านความแรง potency และความสามารถในการดูดซึมไป
ออกฤทธิ์ (pharmacokinetics และ pharmacodynamics) แต่จากการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการรักษาโรค allergic rhinitis ด้วยยาชนิดต่างๆ พบว่าได้ผลไม่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเมื่อได้นำไปใช้จริงๆกับคนไข้ ดังนั้นการที่เราจะเลือกใช้ยาพ่นจมูกตัวไหน พอจะมีหลักดังนี้
1.               คุณแม่ควรไปหาหมอ ตรวจอาการยืนยันให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเป็นโรค allergic rhinitis ไม่ใช่โรคหวัดธรรมดาทั่วๆไป เนื่องจากต้องใช้ยาตัวนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
2.               เลือกใช้ยาตัวที่เหมาะกับพฤติกรรมการดำรงชีวิตประจำวันของคนไข้  เช่น ถ้าเราเลือกใช้ ยาที่ใช้พ่นได้วันละครั้ง จะช่วยเพิ่มความสดวกสบายในการรักษา ไม่ต้องพ่นบ่อย ถ้าเป็นเด็กควรเลือกใช้ยาให้เหมาะกับอายุ เช่น mometasone อายุมากกว่า 2 ปี fluticasone และ triamcinolone อายุ 4 ปีขึ้นไป budesonide และ beclomethasone อายุ 6 ปีขึ้นไป
3.               กลิ่นและรสชาติของยาพ่น อันนี้สำคัญมาก เพราะน้องเขาต้องใช้ยาพ่นต่อเนื่องและยาวนาน หากรสชาติหรือกลิ่นที่ไม่ชอบ คนไข้จะหลีกเลี่ยงการรักษาได้ ทำให้ได้ยาไม่ครบได้
4.               ราคายา เนื่องจากยาทุกตัวในกลุ่มนี้มักเป็นยาต้นแบบ Original และรูปแบบยาต้องใช้เครื่องมือการพ่นที่ต้องมีความแม่นยำในการปลดปล่อยยา ราคายาในกลุ่มนี้มักมีราคาค่อนข้างสูง ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับอำนาจการจับจ่ายของคนไข้
5.               ถ้าคนไข้เคยใช้ยาตัวไหนแล้วได้ผลดีมาก่อน ควรเลือกใช้ยาตัวเดิม เนื่องเพราะการตอบสนองต่อยาในแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน

แล้วควรจะใช้นานแค่ไหน?
เมื่อได้รับคำวินิจฉัยและได้รับยามาแล้ว เรามักแนะนำให้เริ่มใช้ยาไปนาน 2-4 สัปดาห์ แล้วนัดมาติดตามอาการ หากยังไม่สามารถควบคุมอาการ ก้อจะแนะนำให้ปรับยาตามสภาพปัญหาและการตอบสนองของคนไข้แต่ละรายๆ ไป เช่น อาการดีขึ้นแต่ยังไม่หาย ก็แนะนำให้ผู้ป่วยพ่นต่ออีก 1 เดือน ถ้าอาการดีขึ้นมากจนแทบจะไม่มีอาการแล้วควรให้หยุดยาพ่น

ที่สำคัญมากกว่านั้นคือคุณแม่เองต้องพยายามสังเกตุดูว่า อะไรคือสาเหตุของอาการแพ้และหาทางหลีกเลี่ยง หรือกำจัดสารก่อภูมิแพ้ออกไปจากสภาพแวดล้อมของการใช้ชีวิตของน้องเขาเองจะดีกว่า บางครั้งน้องอาจจะได้รับยาเพิ่มเติมในกลุ่มแก้แพ้ antihistamine หรือยาขยายทางเดินหายใจป้องกันอาการหอบหืดเป็นครั้งคราว บางครั้งอาการดีขึ้นก้อค่อยๆผ่อนยาลงไปตามแพทย์แนะนำ หรือถ้ามีอาการกลับมาเป็นใหม่ก็ค่อยเริ่มยาพ่นใหม่ได้

หากผู้ป่วยที่ไม่ดีขึ้นจากการพ่นยา อาจพิจารณาเปลี่ยนชนิดยาพ่นตัวใหม่แล้วทดลองใช้ต่อไปอีก 1-2 เดือน สุดท้าย ถ้ายังไม่ดีขึ้นจริงๆ ควรส่งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมทั้งด้านโรคภูมิแพ้และสาเหตุอื่นๆ ที่อาจจะเกิดร่วม จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

อยากทราบทุกคำตอบของเรื่องยา กรุณาส่งซองคำถามของคุณมาได้ที่อีเมล์ utaisuk@gmail.com หรือแวะไปที่ Facebook “UTAI SUKVIWATSIRIKUL” หรือ “PHARMATREE” ยินดีตอบรับทุกท่านครับ

แหล่งข้อมูล
เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล สงวนลิขสิทธิ์ 13 มค. 2555  
E-mail: utaisuk@gmail.com Facebook: “UTAI SUKVIWATSIRIKUL
ห้ามนำบทความ รูปภาพและเนื้อหาอื่นๆ โดยผู้เขียนไปเผยแพร่เชิงพาณิชย์ ให้นำไปเผยแพร่เป็นวิทยาทานหรือเพื่อการศึกษาเท่านั้นผู้ประกอบการเว็บไซต์ต้องยึดหลักความเคารพและคำนึงถึงลิขสิทธิ์ในการสร้างสรรค์งานเขียนและจริยธรรมทางธุรกิจ

การนำเอาบทความ รูปภาพและเนื้อหาอื่นๆ ซึ่งผลิตขึ้นโดยผู้เขียนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและผลิตซ้ำเพื่อเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาและ Copy url address ไปด้วยเพื่อให้ผู้อ่านสามารถลิ้งค์กลับมาอ่านบทความจากเว็บไซต์ ของผู้เขียนได้โดยตรง

บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพ ไม่แนะนำให้คุณนำไปใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรคด้วยตนเอง ขอความกรุณารับคำปรึกษาได้โดยตรงจากเภสัชกรร้านยาใจดีที่พร้อมดูแลสุขภาพพ่อแม่พี่น้องนะครับ
รูปประกอบจากเว็บไซต์
http://pediatrics.about.com/od/asthma/ig/Asthma-Photo-Gallery/Pulmicort-Turbuhaler.htm
http://www.hkapi.hk/medicine_detail.asp?mid=638
http://drugster.info/drug/medicament/2851/
http://redgum.bendigo.latrobe.edu.au/~a3huynh/fluti.html
http://www.4cnrs-asthma-allergy.com/nasonex.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น