วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ดูแลหน้าท้องลายให้กลับมางามดังเดิมของคุณแม่ตั้งครรภ์

ตลอด 9 เดือน ที่อุ้มท้องสมาชิกตัวน้อยๆ ซึ่งกำลังเติบโตอยู่ภายในครรภ์ด้วยความปีตินั้น สำหรับคุณผู้หญิงบางท่าน สิ่งที่มาพร้อมกับครรภ์ที่ขยายใหญ่ขึ้นในแต่ละเดือน คือรอยแตกลายที่กระจายกว้างมากและชัดเจนขึ้นทุกวันๆ โดยเฉพาะช่วงอายุครรภ์มากๆ และดูเหมือนว่าปัญหารอยแตกลายนั้นไม่ได้จบไปพร้อมกับตอนที่คลอดลูกน้อย แต่ยังคงทิ้งรอยตราอยู่บนพุงของคุณแม่ให้กวนใจทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส
รอยแตกลายเกิดขึ้นได้อย่างไร
รอยแตกลายเกิดจากผิวหนังของเราถูกยืดหรือดึงให้ขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว โดยมักเริ่มบริเวณหน้าท้อง และลามมาที่ตะโพก หรือต้นขาด้วย นอกจากภาวะตั้งครรภ์แล้ว เรายังสามารถพบรอยแตกลายในคนที่น้ำหนักเกิน ในเด็กช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นซึ่งร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และในผู้ที่ได้รับสารสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานๆ โดยจะเกิดเป็นรอยทางยาวสีชมพูเรื่อๆ หรือแดง เมื่อดูให้ละเอียดจะพบว่าผิวบริเวณนั้นแบน หรือฝ่อราบลง บางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย ต่อมาจะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีแดงหรือม่วง ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาว รอยนี้จะกลายเป็นทางยาวซีดๆ เงาๆ รอยแตกลายส่วนใหญ่กว้าง 1-10 มิลลิเมตร และยาวได้หลายเซนติเมตร สามารถพบได้บ่อยมากโดยอาจพบหน้าท้องลายได้ถึง 90% ของหญิงตั้งครรภ์ในไตรมาสสุดท้าย
ใครบ้างเสี่ยงหน้าท้องแตกลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้มีโอกาสเกิดรอยแตกลายได้ง่ายขึ้น ได้แก่ การตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุน้อย อัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวระหว่างตั้งครรภ์ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดรวมถึงน้ำหนักตัวของทารกแรกคลอด นอกจากนี้แล้ว ถ้าคนในครอบครัวเคยประสบปัญหาหน้าท้องลายขณะตั้งครรภ์ยิ่งทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะนี้สูงขึ้น


รอยแตกลายรักษาได้หรือไม่
แม้ว่าอาการแตกลาย ไม่ได้มีผลต่อสุขภาพโดยรวม แต่ขืนปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รักษา รอยแตกลายจะมีสีซีดลงจนเป็นสีขาว ผิวบางและบุ๋มลงเหมือนแผลเป็น คงไม่มีคุณแม่คนไหนอยากให้เกิดรอยเช่นนั้น นอกจากจะไม่สวยงามแล้วยังทำให้ขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะเวลาใส่ชุดว่ายน้ำหรือกระโปรงสั้น แต่สำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาผิวแตกลายขึ้นมาแล้วก็ไม่ต้องกังวลใจไป ปัจจุบันนี้วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่สามารถช่วยแก้ไขให้ผิวบริเวณนั้นดูดีขึ้นได้ เช่น

- การทาอนุพันธ์ของวิตามินเอ เช่น tretinoin ในกรณีที่เพิ่งเริ่มมีปัญหา
- การลอกผิวด้วยสารเคมี หรือ chemical peeling เพื่อผลัดผิวชั้นบนๆ ออกไป
- การกรอผิวด้วยวิธี microdermabrasion หรือ crystal peeling เพื่อขจัดเซลล์เก่าออก และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณผิวหนังส่วนบน
- การทำเลเซอร์ ใช้หลักการเดียวกับการรักษาแผลเป็น โดยเลเซอร์บางชนิดสามารถยิงลงไปสู่ผิวชั้นลึกเพื่อทำลายพังผืดด้านล่าง และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนไปพร้อมๆ กัน ทำให้ลักษณะรอยแตกดูเนียนเรียบขึ้น แต่ได้ผลค่อนข้างน่าพอใจ หรืออาจเลือกใช้เลเซอร์ชนิดอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาสีผิวที่ผิดปกติได้

อย่างไรก็ตาม การรักษารอยแตกลายเป็นเรื่องยากและใช้เวลาพอสมควร  โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีปัญหามาก เช่นมีรอยแตกเป็นบริเวณกว้างหรือเป็นมานาน อาจต้องใช้การรักษาหลายวิธีประกอบกัน จึงอาจทำให้เกิดความกังวล ท้อแท้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลาย แล้วเราจะมีวิธีใดบ้างที่ช่วยถนอมดูแลผิวตลอด 9 เดือนของตั้งครรภ์


เคล็ดลับป้องกันหน้าท้องแตกลายเคล็ดลับที่ 1 ดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ควรใส่ใจเรื่องอาหารที่รับประทานและควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้ขึ้นมากเกินเกณฑ์ที่กำหนด ผิวหนังของเราจะได้มีเวลาปรับตัว ไม่ต้องรับภาระขยายตัวมากเกินไป

เคล็ดลับที่ 2 ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพราะการทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำจะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและยืดหยุ่น เป็นการเตรียมความพร้อมผิวหนังของคุณแม่ให้สามารถรับมือกับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของลูกน้อยในครรภ์ได้ดีขึ้น โดยควรเริ่มตั้งแต่เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ คุณแม่ควรเลือกครีมหรือโลชั่นชนิดที่มีเนื้อข้น เพราะสามารถเก็บความชุ่มชื้นได้ดีกว่าและนานกว่าแบบทั่วไป หรือในคนที่ผิวแห้งมากอาจใช้เบบี้ออยล์หรือน้ำมันมะกอกทาผิวได้ ช่วงเวลาที่ควรทามากที่สุดคือหลังอาบน้ำ เพราะผิวยังชุ่มชื้นอยู่ การทาครีมในช่วงนี้จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออกไป โดยแนะนำให้ทาครีมบำรุงผิวทันทีหลังเช็ดตัวหมาดๆ และควรหมั่นทาต่อเนื่องระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวตลอดเวลา โดยควรเพิ่มปริมาณเนื้อครีมให้มากขึ้นตามอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย และแนะนำทาครีมต่อเนื่องจนกระทั่งหลังคลอดเพราะผิวต้องรับภาระหดตัวกลับคืนสู่สภาวะปกติ



เคล็ดลับที่ 3 เลือกอาบน้ำที่อุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรืออุ่นจัดๆ เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงจะชะล้างไขมันที่เคลือบผิวออกไป ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้ง ลอกและแตก โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีผิวแห้งอยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสหน้าท้องแตกลายได้ง่าย 


เคล็ดลับที่ 4 เคล็ดลับสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน คือหลีกเลี่ยงการเกา เนื่องจากการเกาจะทำให้ผิวยิ่งอักเสบมากขึ้น และยังอาจเกิดแผล ส่งผลให้มีโอกาสติดเชื้อ หรือเป็นรอยดำตามมาได้ ดังนั้นถ้าคุณแม่มีอาการคัน สิ่งที่ควรทำคือพยายามทาครีมบำรุงให้มากหรือบ่อยขึ้น


แหล่งข้อมูล:
ศูนย์ผิวหนัง เลเซอร์ และความงาม โรงพยาบาลเวชธานี
โดย: โรงพยาบาลเวชธานี


ภาพประกอบจาก http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/281938_226447474060206_217567131614907_604000_112597_n.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น