ปัจจุบันสถานบริการประเภทคลินิกความงามเปิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งมีการทำการตลาดผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์กันอย่างแพร่หลาย
คำถามในใจของผู้บริโภคที่อยากทดลองใช้บริการคลินิกความงามก็คือ
จะมีหลักในการเข้าไปใช้บริการสถาบันความงามอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลจริง จากประสบการณ์ในวงการแพทย์ความงามหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน
เรามีความรู้มาเฉลยให้สาวๆหนุ่มๆ ทั้งหลาย โดย นพ. เศรษฐกานต์ อัตถากรพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผู้ก่อตั้งเครือพฤกษาคลินิก
มาแนะนำถึงว่าจะเลือกใครดีน้า? มาดูแลความงามของเราให้ดูดีและปลอดภัย
ผมขอสรุปข้อคิดสำหรับผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการสถาบันคลินิกความงามเป็นหลักการว่า “3 รู้” จำง่ายๆ คือ ”รู้เรา” “รู้เขา” และ “รู้จักพิจารณา”
“รู้”
ประการแรกคือ “รู้เรา” ก่อนอื่นเราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราเองต้องการอะไรจากคลินิกความงาม
โดยหลักแล้วคนยุคปัจจุบันจะใช้บริการสถาบันความงามใน 4 ประเภทความต้องการ คือ
1. ต้องการรักษาปัญหาจริง (Corrective) เช่น
มาเพราะปัญหาสิว ฝ้า กระ เป็นต้น
2. ต้องการบำรุงฟื้นฟูสภาพผิว (Maintenance)
โดยไม่ได้มีโรคผิวหนัง แต่มารับการทำทรีทเมนท์หรือเลเซอร์ที่มีปัจจุบันสถาบันประเภท
Skincare Clinic
มีให้เลือกหลากหลายตามระดับผลลัพธ์และความยาวนานของผลที่แตกต่างกันไป
3. ต้องการเสริมฤทธิ์ให้เห็นผลจริงจัง
(Enhancive) ได้แก่ การใช้หัตถการแพทย์ในการฉีด Botulinum Toxin หรือฉีดสาร Filler
เติมเต็มผิว หรือฉีดสลายไขมัน หรือการร้อยไหม
4. ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างรูปหน้าอย่างจริงจัง
(Transformative) ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการศัลยกรรมรูปหน้า หรือใช้กลุ่ม Advanced
Laser เช่น eMatrix หรือ Thermage เป็นต้น
การที่เรารู้ตัวเองว่าต้องการการรักษาประเภทใดก่อนเข้าพบผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เราไม่หลงประเด็นตามข้อเสนอการขายหรือข้อเสนอของแพทย์
เช่น อยากจะเข้าไปรักษาสิวแต่ได้ Filler จมูกกลับมาด้วยโดยไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้า
ก็อาจเป็นปัญหาภายหลังได้ เป็นต้น นอกจากนี้
ข้อพึงระวังก่อนการรับบริการโดยเฉพาะแบบเสริมฤทธิ์และแบบปรับเปลี่ยนโครงสร้างคือ
เราต้องสอบถามข้อมูลจากแพทย์ที่ดูแลให้แน่ชัดถึงผลข้างเคียง เช่น
การรักษาบางอย่างอาจเกิดการเขียวช้ำ หรือการบวม หรือต้องการการพักฟื้น
ซึ่งถือเป็นกรณีปกติ
จะได้ไม่เกิดการตระหนกตกใจหลังรับการรักษาเมื่อเกิดอาการดังกล่าวจนต้องหาการรักษาเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น
“รู้” ประการที่สองคือ “รู้เขา”
หมายถึงรู้จักคลินิกความงามที่เราจะไปปรึกษา โดยควรหาข้อมูลใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ
1. แพทย์ที่ให้การรักษาว่ามีมาตรฐานในการฝึกอบรมที่น่าเชื่อถือหรือไม่
หรือสอบถามชื่อเสียงของแพทย์ท่านนั้นที่คนไข้ที่รับการรักษาจริงพูดถึงประสบการณ์การรักษาในแง่ดีหรือไม่
2. ตัวองค์กรหรือสถาบันนั้นมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน
เน้นที่การให้ความรู้คำแนะนำกับคนไข้มากกว่ามุ่งการปิดการขายหรือไม่
รวมทั้งเป็นสถาบันที่เชื่อมั่นได้จริงว่าจะช่วยคนไข้อย่างเต็มที่หากเกิดปัญหาที่ต้องแก้ไข
3. เทคโนโลยีที่ให้บริการ
ต้องสอบถามหรือหาข้อมูลให้ดี เพราะปัจจุบันทาง อย.
ไม่อนุญาตให้พูดชื่อเครื่องมือที่ใช้ได้ทางสื่อต่างๆ
จึงต้องเช็คดูว่าสถาบันนั้นมีการลงทุนกับเทคโนโลยีในการรักษาเพื่อให้คนไข้ได้ผลและบอกปากต่อปาก
หรือเน้นลงทุนกับการโฆษณาเพื่อสร้างความเชื่อในวงกว้างเป็นหลัก
4. การตั้งราคา
เพราะปัจจุบันราคาของบริการเดียวกันในคลินิกแต่ละรายอาจแตกต่างกันได้เป็นหลายเท่า
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับต้นทุนของแต่ละที่ที่เกิดจากปัจจัยที่ต่างกัน เช่น
บางที่อาจเน้นเรื่อง ค่าเช่าทำเล การตกแต่ง การโหมโฆษณาอย่างหนัก
ทำให้ต้องตั้งราคาสูง หรือไม่มีเครื่องมือและบุคคลากรที่มีคุณภาพในการรักษา
“รู้”
ประการสุดท้ายคือ “รู้จักพิจารณา” โดยต้องอย่าเพิ่งตัดสินใจรวดเร็วเกินไป
หรือตัดสินใจใช้บริการเพียงเพราะข้อมูลจากโฆษณา เพราะความสวยจริงๆ นี่รอได้
ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่พร้อมเป็นทางเลือก ลองหาคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ
เป็น Second Opinion ถามเจ้าหนึ่งแล้ว ไปถามอีกเจ้าหนึ่งก่อนตัดสินใจก็ได้
อย่ารู้สึกผิดหรือเกรงใจ เพราะคนไทยบางส่วนขี้เกรงใจและถูกโน้มน้าวโดยโฆษณาได้ง่าย
จึงอยากแนะนำให้ลองหาข้อมูลการรักษาที่เราสนใจจากสมาคมวิชาชีพที่เชื่อถือได้ เพราะในโลกอินเตอร์เน็ตอาจมี
Blogger
ด้านความงามมากมายที่บางคนก็อาจไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีแพทย์ความงามโดยตรง
หรืออาจหาข้อมูลจากวารสารหรือนิตยสารที่เกี่ยวกับสุขภาพความงามที่มีข้อมูลวิชาการอ้างอิง
แหล่งข้อมูลเหล่านี้ต้องลองเริ่มอ่าน เพื่อไม่ต้องเสียสตางค์แบบเสียรู้ซื้อคอร์สความงามอะไรที่ไม่ได้ผลแล้วต้องทิ้งไปเสียเปล่า
แค่จดจำแง่คิดเตือนใจสั้นๆ อีกครั้งว่า “อย่ารีบตัดสินใจเกินไป เพราะความสวยน่ะ...รอได้”
รูปประกอบจาก
http://c257.r57.cf3.rackcdn.com/fashion-beauty_04_temp-1348498169-506072f9-620x348.jpg
http://c257.r57.cf3.rackcdn.com/fashion-beauty_04_temp-1348498169-506072f9-620x348.jpg
และ
http://www.allergan.com.au/281.mtid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น