วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ต้อหิน ไม่รักษาทำให้ตาบอด

โรคที่ทำให้เกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวรที่พบมากที่สุดคือ “โรคต้อหิน” ส่วนใหญ่เมื่อเป็นในระยะแรกๆมักไม่ทราบว่าตนเป็นโรคนี้ กว่าจะทราบก็เกือบถึงขั้นตาบอดแล้ว ในประเทศไทยผู้ป่วยต้อหินส่วนใหญ่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

ต้อหินคืออะไร
ต้อหินคือกลุ่มโรคที่ทำให้เกิดความผิดปรกติของขั้วประสาทตา เกี่ยวข้องกับความดันตาหรือการสูญเสียลานสายตา ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือกรรมพันธุ์ ได้แก่ มีญาติสายตรงเป็นต้อหิน สายตาสั้นหรือยาวมากๆ เป็นโรคเบาหวาน และผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่อาจทำให้เกิดต้อหินชนิดทุติยภูมิ อาทิ ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ โรคต้อกระจกที่ปล่อยทิ้งไว้จนเลนส์ตาสุก เป็นต้น

สาเหตุของโรคต้อหิน

1.มีความดันตาสูง เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการเกิดโรคต้อหิน ความดันตาถูกควบคุมโดยสารน้ำในตา ถ้าอัตราการสร้างสารน้ำตาสมดุลกับการระบายออกความดันตาจะปรกติ แต่หากความสมดุลนี้เสียไปเนื่องจากการระบายออกของน้ำในตาอุดตันจะทำให้ความดันตาสูง ส่งผลให้เส้นประสาทตาค่อยๆถูกทำลาย ลานสายตาแคบลง และตามัวได้
2.ลานสายตาผิดปรกติ ผู้ป่วยต้อหินบางรายอาจสังเกตพบความผิดปรกติของลานสายตาได้ด้วยตนเอง ส่วนมากจะเสียรอบนอก ทำให้มองไม่เห็นด้านข้างก่อน แล้วค่อยๆเป็นมากขึ้นจนเข้าสู่ตรงกลาง
ประเภทของต้อหิน

ต้อหินมีกี่ประเภท
ต้อหินแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
1.ต้อหินชนิดมุมตาเปิด
2.ต้อหินชนิดมุมตาปิด และ
3.ต้อหินในเด็ก

อาการของผู้ป่วยโรคต้อหินเรื้อรังทั้งชนิดมุมตาเปิดและมุมตาปิดในระยะแรกมักไม่ทำให้เกิดอาการผิดปรกติใดๆ จึงเป็นการยากที่คนที่เป็นโรคต้อหินจะรู้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อโรคดำเนินต่อไปจะทำให้ลานสายตาค่อยๆแคบลงจนตาบอดได้ในที่สุด

จะรู้ได้ไงว่ากำลังเป็นต้อหิน?
โดยทั่วไป “ผู้ป่วยต้อหิน” มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจตาทั่วไป ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดตา ปวดศีรษะร่วมกับอาการตาแดงหรือตามัวเป็นครั้งคราว ซึ่งจะช่วยวินิจฉัยโรคต้อหินชนิดมุมตาปิด ถ้าเกิดภาวะ “ต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน” จะมีอาการปวดตา ตาแดง และตามัวอย่างรวดเร็ว

การวินิจฉัยโรคต้อหินจะใช้การตรวจหาความผิดปรกติของขั้วประสาทตาร่วมกับการตรวจวัดความดันตา หรือตรวจพบความผิดปรกติของลานสายตาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 2 อย่าง

รักษาอย่างไรหล่ะ โรคนี้?

รักษาโดยการลดความดันตา ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถควบคุมโรคต้อหินได้

การรักษาประกอบด้วย

1.การใช้ยา มีทั้งยาหยอด ยารับประทาน และยาฉีด การใช้ยาหยอดตารักษาต้อหินเป็นการรักษาเบื้องต้นที่ดีที่สุด เพราะสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาทุกวันไปตลอดชีวิต บางรายจำเป็นต้องใช้ยารักษาต้อหินชนิดกินหรือฉีดร่วมด้วย ซึ่งในกรณีนี้จะใช้รักษาโรคต้อหินในระยะสั้นเพื่อเตรียมผ่าตัดเท่านั้น เนื่องจากมีผลข้างเคียงสูง
การใช้แสงเลเซอร์สำหรับโรคต้อหิน มีการยิงเลเซอร์เพื่อเจาะรูที่ม่านตาในคนที่มีมุมตาแคบ เพื่อรักษาหรือป้องกันโรคต้อหินเฉียบพลัน สำหรับผู้ป่วยต้อหินชนิดมุมตาเปิดอาจยิงเลเซอร์ที่มุมตาเพื่อลดความดันตาร่วมกับการใช้ยาหยอดตา นอกจากนี้ยังมีการจี้เลเซอร์เพื่อลดความดันตาในรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา

2.การผ่าตัด มุ่งเน้นการทำช่องเพื่อระบายน้ำภายในลูกตา ความสำเร็จของการผ่าตัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของต้อหิน อายุ เพศ และการหายของแผลผ่าตัด

-การรักษาต้อหินโดยการผ่าตัดใช้รักษาในผู้ป่วยต้อหินที่ได้รับการรักษาโดยการใช้ยาและเลเซอร์อย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถควบคุมความดันตาให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้
-แม้จะได้รับการรักษาโดยการใช้ยาและเลเซอร์จนความดันตาอยู่ในระดับปรกติ แต่ยังไม่ปลอดภัยมากพอ โดยยังคงมีการสูญเสียลานสายตาหรือเส้นใยประสาทตาอย่างต่อเนื่อง
-ไม่สามารถใช้ยาสำหรับควบคุมความดันตาได้ หรือใช้ได้แต่ไม่สม่ำเสมอ การรักษาต้อหินโดยการผ่าตัดมีหลายวิธี เช่น trabeculectomy, การผ่าตัดใส่อุปกรณ์ระบายน้ำสำหรับต้อหิน

ต้อหินเป็นโรคที่ทำให้เกิดการสูญเสียสายตาแบบถาวรที่พบได้บ่อย แต่สามารถควบคุมรักษาโรค ทำให้ผู้ป่วยยังคงมองเห็น แต่ต้องได้รับความร่วมมืออย่างดีระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ผู้รักษา มีผู้ป่วยหลายรายตรวจพบว่าเป็นต้อหินโดยบังเอิญจากการตรวจตาทั่วไปโดยไม่มีอาการอะไร ดังนั้น การตรวจวัดความดันตาในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะคนที่มีประวัติโรคต้อหินในครอบครัว จึงมีความสำคัญมากในการค้นหาผู้ป่วยโรคต้อหิน การวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้น รวมทั้งการรักษาอย่างต่อเนื่องจะสามารถป้องกันการสูญเสียสายตาได้

แหล่งข้อมูล
รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์, ต้อหิน, นิตยสารโลกวันนี้วันสุข
ปีที่ 7 ฉบับที่ 350 วันที่ 10 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2555 หน้า 51

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=13800

ภาพประกอบจากภาพต้อหิน จาก http://www.thaihealth.in.th/
ภาพต้นเหตุต้อหิน จาก dr.yutthana.com
ภาพจากตาคนที่เป็นต้อหิน จาก http://www.age-well.org/images/Glaucoma_adv.jpg
ภาพจากตาคนธรรมดา เทียบกับคนเป็นต้อหิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น